"นิติเวช" รับแล้ว! คลิปทดลองศพ "แตงโม" เป็นของจริง ยันทำตามหน้าที่และกฎหมาย
10 พ.ค. 2565, 14:39
จากกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวคดีแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงศ์ นักแสดงสาวชื่อดังเสียชีวิต โดยมีการเปิดคลิปช่วงหนึ่งและมีการกล่าวอ้างว่ามีการนำศพแตงโมออกมาจากสถาบันนิติเวช เพื่อทำการผ่าพิสูจน์ศพแตงโมซ้ำ เพื่อเปรียบเทียบใบพัดเรือ เป็นการกระทำที่ผิดหลักการจริยธรรม ระเบียบขั้นตอน เป็นการจำลองเหตุการณ์ทำให้ศพมีบาดแผลเพิ่มเติม
ล่าสุด พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ้มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งว่า ภาพที่ปรากฎในคลิปนั้น เป็นภาพจริง ที่ทำด้วยแพทย์ของสถาบันนิติเวช ของโรงพยาบาลตำรวจ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่พนักงานสอบสวนได้มีหนังสือร้องขอมา พร้อมส่งของกลางให้ทำการตรวจพิสูจน์ เปรียบเทียบบาดแผลที่พบในร่างกายของผู้ตาย เป็นการตรวจเปรียบเทียบใบพัดเรือ ว่าเกิดจากใบพัดเรือของกลางในคดีหรือไม่อย่างไร
โดยเราทำตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ ซึ่งศพถูกเก็บรักษาไว้ในห้องเก็บศพของสถาบันนิติเวชอยู่แล้ว จึงได้มีการนำศพออกมา พร้อมกับนำใบพัดเรือของกลางมาพิสูจน์บางแผล เป็นการจำลองเทียบเคียงเข้ากับบาดแผลหรือไม่ ซึ่งความจริงแล้วเรื่องบาดแผลนั้น ทางสถาบันนิติเวชได้ตรวจสอบบาดแผลหลังจากรับศพได้ 26 บาดแผลตั้งแต่วันแรกแล้วและไม่มีบาดแผลเพิ่มเติม
สำหรับบาดแผลของแตงโม ทั้ง 26 บาดแผล ได้มีการถ่ายภาพไว้อย่างละเอียดประมาณ 200 ภาพ พร้อมกับมีการจัดกลุ่มบาดแผล ในแง่ของรูปร่างบาดแผล ทิศทางบาดแผล ความสอดคล้องบาดแผล มีการจัดกลุ่มบาดแผลไว้ 10 กลุ่มในการเกิดบาดแผล ซึ่งในวันผ่าศพครั้งแรก ผมก็อยู่ด้วยและยังมีนายแพทย์ สบ.7 และมีอดีตผู้การเข้าร่วมสังเกตุการณ์ รวมไปถึงแพทย์ประจำบ้านอีก 2 คน ภายในห้องมีด้วยกัน 5 คน ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฎตั้งแต่วันแรกแล้ว ส่วนตัวแรก 22 บาดแผลที่ทางกระทรวงยุติธรรมตรวจซ้ำนั้น อาจมีความต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพศพ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ
อย่างไรก็ตามตามคำกล่าวอ้างของนายอัจฉริยะ ที่ระบุว่ามีการขโมยศพแตงโม นั้น พล.ต.ต.สุพิไชย ระบุว่า เป็นคำกล่าวอ้างที่เกินความเป็นจริง เป็นคำที่แรงมาก เพราะศพอยู่ในการดูแลของสถาบันนิติเวช การผ่าพิสูจน์เป็นสาระสำคัญของพนักงานสอบสวนในการพิสูจน์ทราบ เป็นการทำตามหน้าที่และกฎหมาย ศพถือเป็นของกลางในคดีอยู่แล้ว