ทช.ทุ่มงบเกือบ 100 ล้าน สร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควน้อย เชื่อมระหว่าง บ้านเขาช้าง ต.วังกระแจะ บ้านช่องแคบ ต.ท่าเสา
19 พ.ค. 2565, 12:11
วันนี้ 19 พ.ค.65 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม ได้โพสต์รูปภาพแบบการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควน้อย ลงในเพจเฟซบุ๊กของ “กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม”พร้อมระบุว่า
“กรมทางหลวงชนบท ส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควน้อย อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี คืบหน้ากว่า 15 % คาดแล้วเสร็จปลายปี 2566
กรมทางหลวงชนบท (ทช.) รายงานความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควน้อย ตำบลท่าเสา, วังกระแจะ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งปัจจุบันการก่อสร้างมีผลงานความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 15 ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการในส่วนของงานเข็มเจาะฐานรากสะพาน คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในช่วงปลายปี 2566
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า จากนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ ยกระดับมาตรฐานการคมนาคมทางบก เชื่อมต่อระบบโครงข่ายทางและสะพานระหว่างตำบล อำเภอ ให้มีความต่อเนื่อง ทช.จึงได้ดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควน้อย
โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการที่บริเวณบ้านช่องแคบ หมู่ 1 ตำบลท่าเสา และมีจุดสิ้นสุดโครงการที่บริเวณบ้านเขาช้าง หมู่ 1 ตำบลวังกระแจะ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะก่อสร้างเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว 325 เมตร กว้าง 8 เมตร มีทางเท้ากว้างข้างละ 1 เมตร พร้อมก่อสร้างถนนผิวจราจรแบบแอสฟัลท์ติกคอนกรีตต่อเชื่อมทั้งสองฝั่ง ความยาวรวม 2,250 เมตร
โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 99.140 ล้านบาท เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ นอกจากจะช่วยพัฒนาโครงข่ายสะพานในเขตชุมชน เชื่อมการเดินทางของทั้ง 2 ตำบลแล้ว ยังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้สามารถสัญจรและขนส่งพืชผลทางการเกษตรได้อย่างสะดวกรวดเร็วปลอดภัย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบ้านช่องแคบ ต.ท่าเสา และบ้านเขาช้าง ต.วังกระแจะ ตั้งอยู่คนละฟากฝั่งแม่น้ำแควน้อย ประชาชนส่วนใหญ่ยึดอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก หากประชาชนทั้ง 2 หมู่บ้านต้องไปมาหาสู่กัน จะต้องเดินทางไกลประมาณ 30 -40 กิโลเมตร หากสร้างสะพานแล้วเสร็จจะทำให้เหลือระทางไปเพียงแค่ประมาณ 2.5 กิโลเมตรเท่านั้น นอกจากชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้านจะได้รับประโยชน์แล้ว ประชาชนชาวกาญจนบุรี รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ก็จะได้รับประโยชน์เกี่ยวกับการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วย