กรมควบคุมโรค ตั้งศูนย์รับ "ฝีดาษลิง" หลังพบผู้ติดเชื้อแล้ว 15 ประเทศ
23 พ.ค. 2565, 13:31
ยังคงติดตามพัฒนาการของ โรคฝีดาษลิง หลังองค์การอนามัยได้ประชุมฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 20 พ.ค. เพื่อหารือเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัส “ฝีดาษลิง” แล้วหลังจากพบการแพร่ระบาดไปแล้ว กว่า 10 ประเทศทั่วโลก
ล่าสุด (23 พ.ค.65) สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า กรมควบคุมโรค ตั้ง ‘ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข’ กรณีโรค ‘ฝีดาษลิง’ หลังพบผู้ติดเชื้อแล้ว 15 ประเทศ สั่งยกระดับเฝ้าระวังคนเดินทางจากประเทศระบาด โดยมีเนื้อหาว่า
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข กรณี ‘โรคฝีดาษลิง’ (Monkeypox) เพื่อเฝ้าระวัง คัดกรองผู้เดินทางจากประเทศที่มีการระบาด ช่วยให้ตรวจจับกลุ่มเสี่ยงได้รวดเร็วขึ้น และป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศ หลังพบการแพร่ระบาดในหลายประเทศ และสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ ย้ำขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในไทย
วันที่ (22 พฤษภาคม 2565) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานข่าวที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก กรณีสหราชอาณาจักรพบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิงนั้น กรมควบคุมโรคในฐานะที่เป็นหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่ป้องกันควบคุมโรค โดยเฉพาะโรคอุบัติใหม่ และโรคอุบัติซ้ำ จึงได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข กรมควบคุมโรค กรณีโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ แนวโน้ม พร้อมทั้งคาดการณ์สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อจัดทำแผนทั้งในระยะยาว ระยะกลาง ในการปรับปรุงกลยุทธ์ และมาตรการให้เหมาะสม
โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงการณ์ยืนยันว่า พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงแล้วประมาณ 80 ราย และมีผู้ป่วยสงสัยเป็นฝีดาษลิงอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 50 ราย ใน 11 ประเทศที่ไม่ใช่แหล่งระบาดของโรคฝีดาษลิงและมีแนวโน้มที่จะพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในอีกหลายประเทศ โดยผู้ป่วยรายแรกที่พบในการระบาดครั้งนี้เป็นผู้ป่วย ในประเทศสหราชอาณาจักรอังกฤษ ที่มีประวัติเดินทางไปยังประเทศไนจีเรียช่วงปลายเดือนเมษายน ด้วยเหตุนี้ ทางประเทศสหราชอาณาจักรอังกฤษจึงเริ่มดำเนินการเฝ้าระวังและค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม ซึ่งในขณะนี้พบผู้ป่วยกว่า 100 รายแล้ว จาก 15 ประเทศ ได้แก่ สหราชอาณาจักรอังกฤษ สเปน โปรตุเกส อิตาลี เบลเยียม ฝรั่งเศส เยอรมันนี สวีเดน สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ และกรีซ
นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยยังไม่มีรายงานผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง อย่างไรก็ตามในระยะนี้ เป็นช่วงที่เริ่มเปิดให้มีการเดินทางเข้าประเทศได้มากขึ้น และเป็นช่วงเตรียมการเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นของโรคโควิด 19 ดังนั้น อาจมีความเสี่ยงจากผู้เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาด ได้แก่ สหราชอาณาจักรอังกฤษ สเปน โปรตุเกส อิตาลี เบลเยียม ฝรั่งเศส เยอรมันนี สวีเดน สหรัฐอเมริกา แคนาดาและออสเตรเลีย หรือผู้ที่เดินทางมาจากประเทศในทวีปแอฟริกากลาง และแอฟริกาตะวันตกได้ ทั้งในช่องทางการเข้า-ออกระหว่างประเทศ หรือผู้ที่เดินทางจากประเทศดังกล่าวไปในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ จากข้อมูลกองด่านควบคุมโรคติดต่อ ระหว่างประเทศและกักกันโรค กรมควบคุมโรค ได้รายงานว่า จำนวนผู้เดินทางที่ลงทะเบียนจากประเทศเสี่ยงสูง ได้แก่ สหราชอาณาจักร สเปน โปรตุเกส โดยระหว่างวันที่ 1-22 พ.ค. 65 นี้ มีผู้เดินทางจากสหราชอาณาจักร จำนวน 13,142 คน จากสเปน 1,352 คน และโปรตุเกส 268 คน
กรมควบคุมโรคได้มีการยกระดับเพื่อเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางจากประเทศเสี่ยงเหล่านี้ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และหากต้องเดินทางไปยังประเทศที่พบผู้ป่วยฝีดาษลิง ควรระมัดระวัง ดังนี้ 1) หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์พาหะ ได้แก่ สัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระรอก และสัตว์ตระกูลไพรเมต เช่น ลิง ถึงแม้ว่ายังไม่มีรายงานพบเชื้อในสัตว์เหล่านี้ในประเทศไทยก็ตาม หากมีการสัมผัสสัตว์ให้รีบล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด และหลังจากเดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาดของโรคฝีดาษลิง ให้สังเกตอาการ หากพบมีความผิดปกติ เช่น มีไข้ มีตุ่มผื่นที่ใบหน้า แขน และขา ให้รีบพบแพทย์ทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง 2) ปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention (UP) โดยการหมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิดไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา จมูก ปาก กินอาหารปรุงสุก เป็นต้น 3) หลีกเลี่ยงการสัมผัส สารคัดหลั่ง บาดแผล เลือดน้ำเหลืองของสัตว์ หรือกินเนื้อสัตว์ติดเชื้อที่ปรุงไม่สุก และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย ละอองฝอย หรือน้ำเหลืองจากผู้ที่สงสัยป่วยหรือมีประวัติเสี่ยง ทั้งนี้ การแพร่เชื้อจากคนสู่คน แม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่ง จากทางเดินหายใจ หรือผิวหนังที่เป็นตุ่ม ซึ่งทางกรมควบคุมโรคจะเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบเป็นระยะ หากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02 5903839 หรือ 1422