สธ.เผย! ไทยพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สงสัย "ฝีดาษลิง" 6 ราย แต่ยังไม่พบเชื้อ
4 มิ.ย. 2565, 09:43
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2565 ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานสถานการณ์โรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง (Monkeypox) ทั่วโลก เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2565 เวลา 17.00 น. โดยระบุว่า
สถานการณ์ทั่วโลกของโรคฝีดาษวานรตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ที่มีการรายงานผู้ป่วยรายแรกใน ประเทศที่ไม่ใช่พื้นที่โรคประจําถิ่นของโรคนี้ ถึงวันที่ 3 มิถุนายน 2565 มีการรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 878 ราย (เพิ่มขึ้น 66 ราย) เป็นผู้ป่วยยืนยัน 782 ราย (เพิ่มขึ้น 76 ราย) และผู้ป่วยสงสัย 96 ราย (ลดลง 10 ราย) ใน 42 ประเทศทั่วโลก (เพิ่มขึ้น 4 ประเทศ)
โดยประเทศที่มีผู้ป่วยสูง 5 ลําดับแรก ได้แก่ สเปน 208 ราย (ร้อยละ 24) อังกฤษ 199 ราย (ร้อยละ 23) โปรตุเกส 138 ราย (ร้อยละ 16) แคนาดา 66 ราย (ร้อยละ 8) และเยอรมนี 50 ราย (ร้อยละ 6) ประเทศใหม่ที่พบผู้ป่วยยืนยัน ได้แก่ อุรุกวัย 4 ราย มอริเชียส 3 ราย เฮติ และ โมรอคโก ประเทศละ 1 ราย
สถานการณ์โรคฝีดาษลิงในประเทศไทย ณ วันที่ 3 มิถุนายน 2565 ยังไม่พบรายงานผู้ป่วยยืนยัน แต่มีรายงานผู้เข้าเกณฑ์ป่วยสงสัยจํานวน 6 ราย (เพิ่มขึ้น 1 ราย) ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อฝีดาษวานรทั้ง 6 ราย
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก โดยผู้อํานวยการภาคพื้นยุโรปขององค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ในขณะนี้องค์การอนามัยโลกเชื่อว่า การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษวานรอาจไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น จําเป็นต้องลด ความเสี่ยงอย่างเร่งด่วนผ่านการสื่อสารที่ชัดเจน การดําเนินการที่นําโดยชุมชน การแยกตัวผู้ติดเชื้อระหว่าง การติดเชื้อ รวมถึงดําเนินการติดตามและตรวจสอบผู้สัมผัสติดต่อกับผู้ติดเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพ โดยในขณะนี้ โรคฝีดาษวานรยังไม่จําเป็นต้องมีมาตรการเดียวกับที่ใช้ในช่วงการระบาดใหญ่ของโรคโควิด -19 เพราะไวรัส ไม่ได้แพร่กระจายในลักษณะเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ไวรัสดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะแพร่ระบาดต่อไปในระดับสูง
ข้อเสนอแนะต่อสถานการณ์โรคฝีดาษวานรในประเทศไทย ได้แก่ 1. สร้างการประชาสัมพันธ์ในเทศกาล “บางกอกไพรด์” เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงการป้องกันตนเองจากโรคฝีดาษวานร 2. เพิ่มการดําเนินการในสถานที่เสี่ยง เช่น สถานบันเทิง บาร์เกย์ ผับชายรักชาย โดย 1.1 ดําเนินการเฝ้าระวังในกลุ่มผู้ใช้บริการ 1.2 ให้ความรู้เกี่ยวกับโรค ในกลุ่มของผู้ให้บริการในการป้องกันตนเอง และ 1.3 เพิ่มการคัดกรองก่อนเข้ารับบริการ เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิ การตรวจรอยโรคที่ผิวหนัง และ 3. ในการคัดกรอง ณ ด่านท่าอากาศยาน อาจพิจารณาเพิ่มการคัดกรองในกลุ่มผู้ที่เดินทางมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีจํานวนผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศเป็นจํานวนมาก