หญิงอึดสู้ชีวิต! ยึดอาชีพลอกใบจาก เลี้ยงสามีป่วยติดเตียง-ลูกน้อย 2 ชีวิต
6 มิ.ย. 2565, 14:47
วันที่ 6 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า น.ส.กิตติยา มากสวี อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/2 หมู่ 1 (บ้านนาเหรียง) ตำบลครน อ.สวี จ.ชุมพร มีฐานะทางบ้านยากจน บ้านที่อยู่อาศัยผุพังไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ซ้ำยังต้องดูลูกน้อย 2 คนและสามีที่ป่วยนอนติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ โดยผู้เป็นภรรยามีรายได้จากการ ตัดลอกใบจากส่งขายได้เงินไม่ถึงสองพันบาทต่อเดือน โดยติดต่อผู้สื่อข่าวเพื่อเป็นสื่อกลางให้หน่วยงานเข้าช่วยเหลือ
หลังได้รับแจ้งผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนติดต่อไปยังนายศิลปชัย เรือนสูง นายอำเภอสวี จ.ชุมพร และคณะพร้อมด้วย พ.ต.อ.อภิชาต จันทร์สำเร็จ ผกก.สภ.นาสัก และตำรวจสภ.สวี นายวิชัย สุดสวาสดิ์ (สจ.)สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร อำเภอสวี เขต 1 น.ส.กันยา เมืองสวี รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลครน นางพยอม กรแก้ว ปลัดอำเภอสวี นายสุเทพ จันทร์แก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียบบ้านคู และคณะครู โดยมีกำนันผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ร่วมเดินทางลงพื้นที่
โดยบ้านหลังดังกล่าวอาศัยปลูกอยู่ในสวนปาล์มน้ำมันสภาพทางเข้าบ้านเป็นถนนซอยเล็กๆ พบน.ส.กิตติยา หรือเอิง กำลังดูแลนายสายัณห์ ปิ่นทอง อายุ 49 ปี สามีที่ป่วยติดนอนติดเตียงอยู่ภายในเต้น ซึ่งตั้งเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว โดยมีลูกสาววัย 9 ปี และลูกชาย วัย 6 ปี วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ ห่างจากที่เต้นพักเล็กน้อยพบบ้านสภาพเอียงเอนใกล้ล้ม มุงหลังคาด้วยสังกะสีเก่าๆรั่วเป็นสนิม กั้นฝาบ้านด้วยผ้ายางและแผ่นไม้ผุพังไม่สามารถอาศัยอยู่ได้เกรงเกิดอันตรายล้มทับ
น.ส.กิตติยา หรือ เอิง เล่าว่า เมื่อประมาณ 9 เดือนก่อน เกิดฝนตกหนักมีพายุลมพัดแรง ทำให้หลังคาบ้านพังเสียหาย สามีจึงร้องขอกระเบื้องหลังคาจาก อบต.ครน มาซ่อมแซม แต่ไม่ทันได้ซ่อมเกิดลื่นพลัดตกหลังคาบ้านสูงประมาณ 5 เมตร ทำให้มีอาการเจ็บปวดบริเวณหลังและสะเอว จึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลใช้สิทธิ์ 30 บาท พออาการเริ่มดีขึ้นจึงกลับบ้าน หลังจากนั้น 4-5 วันมีอาการเจ็บและชาตั้งแต่สะเอวจนถึงปลายเท้าไม่มีความรู้สึกตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน
ขณะนี้ความเป็นอยู่ลำบาก เมื่อสามีซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวป่วยติดเตียง ตนต้องรับภาระเลี้ยงดูสามีและลูกชาย วัย 6 ปีและลูกสาววัย 9 ปี ทั้งคู่เรียนอยู่ที่โรงเรียนใกล้บ้าน โดยตนมีรายได้จากการไปตัดต้นจากริมคลองซึ่งอยู่ห่างไกลบ้านมากไปนานก็ไม่ได้เป็นห่วงทางบ้าน นำต้นจากมาลอกเอาใบตากแห้งส่งขายร้านค้ามีรายได้ไม่พอใช้เฉลี่ยเดือนละไม่ถึงสองพันบาท ก่อนหน้านี้ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บ้านและอบต.ครน นำปูน อิฐมาให้บ้างแล้วแต่ไม่มีเงินสร้างบ้าน ได้เงินจากผู้ใหญ่บ้าน 500 บาทต้องเอาไปจ่ายให้กับไฟแนนท์รถจักรยายนต์ที่ไปจำนองจำนำไว้นอกจากนี้ยังค้างค่าน้ำและค่าฌาปนกิจหมู่บ้านเป็นเงินหลายพันบาท
ด้านนายศิลปชัย เรือนสูง นายอำเภอสวี เบื้องต้นได้มอบถุงยังชีพของใช้จำเป็นแก่ น.ส.กิตติยา พร้อมทั้งควักเงินส่วนตัวมอบให้ 1,000 บาทด้วย ส่วนพ.ต.อ.อภิชาต จันทร์สำเร็จ ผกก.สภ.นาสัก และ ตำรวจสภ.สวี มอบเงินให้อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปใช้จ่ายบรรเทาความเดือดร้อน ทั้งนี้คณะที่เดินทางมาเยี่ยมต่างให้กำลังใจน.ส.กิตติยา นับเป็นผู้หญิงสู้ชีวิตมีความอดทน
นายอำเภอสวี กล่าวว่า “หลังจากทราบปัญหาครอบครัวดังกล่าวแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไปหน่วยงานทุกภาคส่วนจะขับเคลื่อนให้การช่วยเหลือ ก่อนอื่นจะสนับสนุนด้านอาชีพเพื่อความยั่งยืนของรายได้โดยส่งเสริม เลี้ยงเป็ด ไก่ ปลูกผักและช่วยเหลือด้านวัตถุดิบงานที่ทำอยู่แล้วคือลอกใบจากส่งขาย ส่วนลูกน้อยทั้งสองคนผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคู ซึ่งก่อนหน้านี้รับไปดูแลเรื่องการศึกษาอยู่แล้ว ส่วนผู้ป่วยได้รับความเมตตาหมอนวดเส้นจากโครงการพระบรมราชินี จนอาการดีขึ้น เรื่องการก่อสร้างบ้านที่อยู่อาศัยผู้นำชุมชนและสจ.พร้อมให้การช่วยเหลือ” นายอำเภอสวี กล่าว
สำหรับผู้มีจิตกุศลต้องการร่วมบริจาคสิ่งของหรือทุนการศึกษาบุตรครอบครัวน.ส.กิตติยา มากสวี หรือเอิงสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร 092-4096332 หรือโอนเงินผ่านบัญชีหมายเลข 8230228361 ธนาคารกรุงไทย สาขาสวี