นายกฯ ยินดีผลสำรวจ "HSBC Navigator: SEA in Focus" ประจำปี 2022 นักลงทุนเชื่อมั่นศักยภาพของไทย
15 มิ.ย. 2565, 10:25
วันนี้(15 มิ.ย. 65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับผลการสำรวจจากธนาคาร "HSBC Navigator: SEA in Focus" ประจำปี 2022 และยืนยันรัฐบาลพร้อมอำนวยความสะดวกสนับสนุนการลงทุนให้แก่นักลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในประเทศและภูมิภาค
ทั้งนี้ ธนาคาร HSBC ได้เผยผลสำรวจ "HSBC Navigator: SEA in Focus" ประจำปี 2022 รายงานว่า บริษัทต่างชาติส่วนใหญ่ยังมั่นใจในการวางแผนขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในระยะเวลา 2 ปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย ซึ่งบริษัทต่างชาตินิยมเลือกให้เป็นประเทศตัวเลือกสำคัญที่จะเข้ามาลงทุนในภูมิภาคมากถึง 23% เป็นอันดับที่ 2 รองจากประเทศสิงคโปร์
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผลสำรวจดังกล่าวเป็นการรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นจากบริษัทต่างชาติมากกว่า 1,500 แห่ง จาก 6 ประเทศมหาอำนาจ ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย สาธารณรัฐประชาชนจีน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ซึ่งต่างมีแนวโน้มที่จะวางแผนดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต เนื่องด้วยตลาดที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตไปในทิศทางที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนหลากหลาย ทั้งมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะเติบโตขึ้น ถึง 3.8% ในปี 2565 แม้จะเผชิญความไม่แน่นอนและความท้าทายของโลก รวมทั้งเป็นประเทศที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยีในประเทศอาเซียน โดยมีจุดแข็งด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีเอดจ์ (Enhanced Data rates for Global Evolution: EDGE) ความปลอดภัยทางไซเบอร์ การชำระเงินทางดิจิทัล รวมทั้งเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโต ประกอบกับเป็นประเทศที่มีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในอาเซียน ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้บริษัทต่างชาติให้ความสนใจขยายธุรกิจในไทย
"นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ เน้นย้ำการทำงานเพื่อส่งเสริมแนวทางสนับสนุนการลงทุนในประเทศด้วยประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ ไทยผลักดันและตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการค้า และการลงทุนในภูมิภาค ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินหน้าตามแนวทางเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ อำนวยความสะดวกในการประกอบกิจการในไทย โดยในการประชุมบอร์ดบีโอไอ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 ที่ประชุมได้เห็นชอบปรับปรุงหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุนกิจการนิคมหรือเขตอุสาหกรรมอัจฉริยะ และเพื่อเป็นการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติและอำนวยความสะดวกในการประกอบกิจการในประเทศไทย บีโอไอได้กำหนดให้นิติบุคคลต่างด้าวที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท โดยถือครองที่ดินเป็นที่ตั้งสำนักงานของกิจการได้ไม่เกิน 5 ไร่ ที่ดินเป็นที่พักอาศัยสำหรับผู้บริหารผู้ชำนาญการต่างชาติได้ไม่เกิน 10 ไร่ และที่ดินเป็นที่พักอาศัยของคนงานได้ไม่เกิน 20 ไร่" นายธนกรฯ กล่าว