จ่อออกหมายจับ! เจ้าของ "ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง" คาดมีผู้เสียหายร่วมหมื่นคน
21 มิ.ย. 2565, 10:45
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รวมคดีผู้เสียหายที่แจ้งความดำเนินคดีกับนายเมธา ชลิงสุข หรือบอลนี่ เจ้าของแฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังเปิดจำหน่ายเวาเชอร์ บุฟเฟ่ต์ปลาแซลมอนและอาหารญี่ปุ่นต่างๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น จนทำให้มีลูกค้ากดซื้อจำนวนมาก ต่อมาพบว่าเพจเฟซบุ๊ก - เว็บไซต์ รวมถึงหน้าร้านดังกล่าวปิดให้บริการ สร้างความเสียหายให้แก่ผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์และลูกค้าที่ซื้อเวาเชอร์ไปแล้วล่วงหน้า
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ให้สัมภาษณ์หลังร่วมสอบปากคำผู้เสียหายว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายจำนวนมาก คาดว่าถึงหลักหมื่นราย ทางร้านออกโปรโมชั่นที่เกินความเป็นจริง แต่กลับปิดร้านหลบหนีไป จะเร่งประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อให้มีการรวมคดีมาที่ บก.ปคบ.ภายในวันที่ 21 มิถุนายน จากนั้นจะรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับให้เร็วที่สุด ส่วนเจ้าของแฟรนไชส์ได้ออกนอกประเทศไปเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.00 น. ปลายทางคือเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพียงคนเดียว แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเดินทางไปที่ใดต่อ จากนั้นเจ้าของแฟรนไชส์ได้ปิดร้านวันที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา
“น่าเชื่อว่ามีเจตนาหลอกลวงประชาชน โดยสามารถอายัดเงินเพียงไม่กี่แสนบาท แต่ความเสียหายนั้นหลักร้อยล้านบาท หลังจากนี้จะตรวจสอบทุกอย่าง เช่น เส้นทางการเงิน การกระทำความผิดว่ามีใครเกี่ยวข้องหรือไม่ เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และหากมีการโอนเงินไปยังบุคคลใดก็อาจเข้าข่ายฟอกเงินด้วย แต่เบื้องต้นขณะนี้ทราบว่าทางร้านมีบัญชีหลักเพียงบัญชีเดียว” พล.ต.ท.จิรภพกล่าว และว่า เบื้องต้นแบ่งผู้เสียหายเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ผู้เสียหายที่ซื้อคูปองไปบริโภค, ผู้เสียหายที่ซื้อคูปองไปขายต่อ และผู้เสียหายที่ซื้อแฟรนไชส์
ก่อนหน้านั้นที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อม น.ส.ธิดารัตน์ แท่นวิทยานนท์ และ น.ส.นุ่น (นามสมมุติ) เจ้าของแฟรนไชส์ร้านดารุมะ ซูชิ สาขาวัชรพล และสาขาสายไหม เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารดารุมะ ซูชิ ในคดีฉ้อโกง หลังบริษัทเจ้าของแฟรนไชส์ไม่ส่งปลาแซลมอนและวัตถุดิบทำอาหารมาให้ที่สาขาจนเกิดความเสียหาย
นายเอกภพกล่าวว่า พาเจ้าของร้านซูชิชื่อดังซึ่งเป็นผู้เสียหาย 2 ราย โดยมีรายหนึ่งจ่ายเงินทำสัญญากว่า 2.5 ล้านบาท ตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนก่อน แต่จนตอนนี้ยังไม่ได้เปิดสาขา อีกรายจ่ายเงินแล้ว 2 ล้านบาท แต่เปิดร้านได้ 2 เดือน ต้องปิดตัวลงเพราะไม่มีวัตถุดิบมาส่ง ทำให้ลูกค้ามาต่อว่าจนพามาแจ้งความ
น.ส.นุ่น เจ้าของร้านสาขาสายไหม กล่าวว่า เคยเป็นลูกค้าประจำ เมื่อเห็นทางร้านติดประกาศโฆษณาชักชวนให้มาซื้อแฟรนไชส์จึงสนใจติดต่อทำสัญญาเปิดร้านที่ย่านสายไหม โดยทางเจ้าของแฟรนไชส์จะจัดการดูแลบริหารให้ทั้งหมด แค่รอรับผลกำไร ช่วงแรกก็ไม่มีปัญหา กระทั่งเดือนที่ผ่านมาวัตถุดิบส่งช้า ขาดส่ง และไม่สามารถติดต่อได้
ด้าน น.ส.ธิดารัตน์ เจ้าของร้านสาขาวัชรพล กล่าวว่า ทำสัญญาจ่ายเงินไป 2.5 ล้านบาท มีกำหนดเปิดร้านเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่กลับไม่ได้เปิดเพราะเกิดเรื่องขึ้น โดยเจ้าของแฟรนไชส์อ้างว่าไม่มีความรู้ด้านธุรกิจอาหารก็สามารถทำธุรกิจได้ แค่จ่ายเงินค่าสาขา การันตีรายได้ว่าจะได้เงินจากยอดขาย 10% พร้อมให้ไอแพดไว้ 1 เครื่อง มาดูยอดลูกค้าและการใช้คูปอง
นายอัญพัชร์ ปิยะสถิตย์โชติ ผู้จัดการสาขาคริสตัลปาร์ค กล่าวว่า เหตุที่ต้องมาแจ้งความ เนื่องจากพนักงานก็ได้รับผลกระทบจากการปิดร้าน ต้องตกงานโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า
ด้าน น.ส.ซี (นามสมมุติ) กล่าวว่า เป็นลูกค้าประจำของร้านอาหาร สนใจแคมเปญของทางร้านที่โฆษณาอยู่ตามสื่อสังคมออนไลน์ จึงทยอยซื้อคูปองไว้กว่า 600 ใบ ในราคาใบละ 212.93 บาท เพื่อขายต่อราคา 240 บาท ช่วงแรกไม่มีปัญหาอะไร ลูกค้าที่ซื้อไปจึงกลับมาซื้อซ้ำ กระทั่งเกิดปัญหาขึ้นทำให้ตนต้องติดต่อไปหาลูกค้าเพื่อคืนเงินให้ทั้งหมด ก่อนรวมตัวกับผู้เสียหายรายอื่นเข้ามาแจ้งความ