"ครูหนุ่ม" ออกเยี่ยมบ้านนักเรียน เจอสภาพสุดหดหู่ "5 ชีวิต" อาศัยกระต๊อบมุงสังกะสี - ไร้ไฟฟ้า
22 มิ.ย. 2565, 12:19
จากกรณีครูท่านหนึ่งใน จ.อุดรธานี ได้โพสต์ภาพบ้านนักเรียนลงเฟซบุ๊กส่วนตัว Chatchawan pimpa พร้อมเล่าเรื่องราวเอาไว้ว่า "จากที่ได้ไปสำรวจออกเยี่ยมบ้านนักเรียน เจอสภาพความเป็นอยู่น้องแล้ว สงสารมาก ไม่มีน้ำไม่มีไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ที่อยู่ก็มีคนให้มาอยู่ฟรี สร้างกระต๊อบเล็กๆอยู่ แม่น้องทำงานคนเดียว
จากการสอบถามทราบว่าพ่อเป็นโรคลมชักจึงทำงานหนักไม่ได้ ไม่มียานพาหนะ อยู่ในป่ายุงเยอะมาก น้องเป็นเด็กเรียนดีขยันเชื่อฟังครูอาจารย์ กลับมาเลยได้พูดคุยกันในกลุ่มเพื่อนมีผู้มีจิตศรัทธาช่วย บริจาคข้าวสารและเสื้อผ้าให้น้อง A Wisukda Nahouse ต้องขอขอบพระคุณเพื่อนเอ ด้วยนะครับ วันนี้ได้นำไปมอบให้น้องแล้ว"
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางไปพบครอบครัวดังกล่าว พร้อมด้วยนายฉัตรชัย ทองเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปากดงส่งเสริมธรรม และ นายชัชวาล พิมพา ครูประจำชั้นน้องแพรวา พบว่า พ่อแม่และลูกอีก 3 คน คือ นางอุดม อายุ 41 ปี นายอนุสรณ์ อายุ 45 ปี ,ด.ญ.แพรวา อายุ 12 ขวบ, ด.ช.พรเทพ อายุ 4 ขวบ และ ด.ช.พรชัย อายุ 2 ขวบ โดยทั้ง 5 ชีวิต อาศัยอยู่ในกระต๊อบ ในป่าสักของชาวบ้านที่ใจดีให้อยู่ฟรี สภาพบ้านสร้างเป็นกระต๊อบมุงด้วยสังกะสีเก่า ห้องน้ำก็ใช้กระเบื้องล้อมเอาไว้ ไม่มีโถส้วม ไฟฟ้าก็ไม่มีและน้ำต้องใช้ถังน้ำไปขอน้ำใช้จากชาวบ้าน ส่วนชีวิตความเป็นอยู่ครอบครัวนี้ คนเป็นแม่ต้องทำงานคนเดียวส่วนสามีเลี้ยงลูกและป่วยเป็นโรคลมชัก
นางอุดม เปิดเผยว่า สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวตนเองตอนนี้ถือว่าลำบากทุกอย่าง ตนเองมีลูก 5 คน ลูก 2 คน ให้อาช่วยเลี้ยงดูที่จังหวัดชัยภูมิ ส่วนอีก 3 คน ตนเองและสามีเป็นคนเลี้ยงดู โดยลูกคนที่ 1 เป็นทหารเกรณฑ์ คนที่ 2 เรียนที่ จ.ชัยภูมิ คนที่ 3 และ 4 เรียนโรงเรียนบ้านปากดงส่งเสริมธรรม อ.เมือง จ.อุดรธานี และคนที่ 5 ยังเล็กมีพ่อคอยดูแล เมื่อเห็นลูกคนอื่นมีความรู้พัฒนาก็อยากให้ลูกตัวเองมีความรู้พัฒนาเหมือนลูกคนอื่น หากเป็นไปได้อยากอยากให้มีคนใจบุญเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องการศึกษาของลูกๆ อยากให้ลูกมีการศึกษาที่ดีถ้าเป็นไปได้ก็อยากมีที่เป็นของตัวเอง เพราะหากตนเองและสามีเป็นอะไรไป ไม่รู้ลูกจะอยู่อย่างไร
นางอุดม กล่าวต่อว่า เดิมทีแล้วตนเองเป็นคนอำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี มาทำงานในอำเภอเมือง มีสามีแล้วก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันกับสามีที่แห่งนี้ ช่วยสามีเฝ้าสวน หลังพ่อเสียชีวิตพี่สาวก็ขายบ้านขายที่ดินจึงไม่ได้กลับไปที่วังสามหมออีก การเลี้ยงดูลูกวันเรียนเช้าก็เดินไปส่งเย็นก็เดินไปรับ หลังโรงเรียนรู้ว่าเดินไปส่งโรงเรียนก็ส่งรถมารับ เมื่อลูกเลิกเรียนมาจากโรงเรียนก็ให้ลูกรีบทำการบ้าน เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าและที่นี่ยุงเยอะ สำหรับอาหารการกินก็อยู่กันแบบขัดสน บางวันก็ไม่ได้กินอาหารครบ 3 มื้อ บางวันลูกก็จะกินข้าวกับน้ำตาลและกะปิ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบายก็เดินไปอนามัยซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน
ทั้งนี้ ตัวเองมีอาชีพเป็นแม่บ้านที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของคาเฟ่ก็เป็นเจ้าของที่ดินที่ให้อยู่อาศัย ได้เงินเดือน 8,000 บาท ส่วนสามีนั้นไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากป่วยเป็นโรคลมชัก ทำได้เพียงหาหน่อไม้ในสวนที่เฝ้าไปขาย