ชาวนาช้ำ! ผู้กว้างขวางปิดทางลำรางระบายน้ำ ท่วมนาข้าวตาย 3 ปี
3 ก.ค. 2565, 16:22
(3 ก.ค.65) นายณรงค์ ตาสาโรจน์ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 2 ต.นามน จ.กาฬสินธุ์ อาชีพทำนา พาผู้สื่อข่าวตรวจสอบ สภาพความเสียหายของนาข้าว ที่หว่านข้าวนาปี บนเนื้อที่กว่า 6 ไร่ ถูกน้ำท่วมขัง ข้าวจมน้ำตายเสียหาย โดยปีนี้ทำการหว่านข้าวไปแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ละครั้งน้ำท่วมตายทุกครั้ง ได้รับความเสียหาย เดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ไม่สามารถเก็บผลผลิตได้เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า สาเหตุดังกล่าวนั้นเกิดจาก ประชาชนผู้มีอันจะกินรายหนึ่ง มีบุตรเขยเป็นข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ อ.นามน ได้รู้เห็นกับพ่อตา ปิดกั้นทางน้ำลำรางสาธารณะที่ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำห้วยหินแตก พื้นที่รับผิดชอบ อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ โดยการนำดินมาถมบริเวณลำรางซึ่งเป็นทางน้ำไหล มีการปรับพื้นดินให้สูงขึ้น เพื่อเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำ ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมนาข้าว ของชาวนาที่อยู่ต้นทางน้ำไหล
นอกจากนี้ ผู้มีอันจะกินรายดังกล่าว ยังอ้างอีกว่าได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ทำกินมานานกว่า 7 ปีแล้ว ตนจึงมอบหมายให้ นางดรุณี กั้วสิทธิ์ ภรรยาและชาวนาผู้เดือดร้อน จำนวน 3 ราย ยื่นเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรม อ.นามน เพื่อขอความเป็นธรรม
เบื้องต้น นายอำเภอนามน ได้ตรวจสอบที่ดินบริเวณดังกล่าว พบว่าอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ อบต.นามน จึงมีหนังสือขอให้ อบต.นามน ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เพื่อแก้ไขปัญหา โดยการให้ผู้ถูกร้องดำเนินการรื้อถอนแนวกั้นปิดทางน้ำไหลออก เพื่อให้น้ำไหลได้ตามปกติ พร้อมกับให้เจ้าหน้าสำนักงานที่ดิน สาขานามน รังวัดกำหนดแนวเขตที่ดินสาธารณะให้มีความชัดเจน เพื่อดำเนินการขุดลอกลำคลองแก้ไขปัญหาให้กับชาวนาผู้เดือดร้อน
นายณรงค์ กล่าวต่อไปอีกว่า ต่อมา เจ้าหน้าที่ อบต. นามน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ กลับอ้างว่า ปีนี้ไม่มีงบประมาณในการดำเนินแก้ไขปัญหา ต้องรองบประมาณในปีถัดไป และยังไม่มีการดำเนินการรังวัดแนวเขตที่ดินสาธารณะให้ชัดเจน เพื่อมิให้ผู้หนึ่งผู้ใด ยึดครองที่ดินสาธารณะเป็นของตัวเอง
นายณรงค์ ยังได้เน้นย้ำกับผู้สื่อข่าวอีกว่า ความทุกข์ร้อน ดังกล่าว หากยังไม่ได้รับการแก้ไข ตนจะเดินหน้าขอความเป็นธรรมกับผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ต่อไป