"นายกฯ" แนะนำฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิดใดก็ได้เป็นเข็มกระตุ้น ลดป่วยหนัก-เสียชีวิต
21 ก.ค. 2565, 10:46
วันนี้(21 ก.ค. 65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แนะนำให้ประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น และกลุ่มเสี่ยง 608 ให้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น/เข็มที่ 4 โดยจะฉีดวัคซีนชนิดใดก็ได้ ทั้ง แอสตร้าเซเนก้า ไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา เนื่องจากมีรายงานว่า ประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อจากสายพันธุ์โอมิครอนได้สูงถึง ร้อยละ 73 ร้อยละ 71 และร้อยละ 71 ตามลำดับ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ได้รับวัคซีนเพียง 3 เข็ม ซึ่งวัคซีนทั้งสองชนิดไม่ว่าจะเป็นชนิด mRNA หรือ Virus Vector ก็มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ไม่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม ผู้ได้รับวัคซีนครบ 3 เข็มจะช่วยป้องกันอาการรุนแรงและการเสียชีวิตจากสายพันธุ์โอมิครอนได้สูงถึง ร้อยละ 96 ในกลุ่มอายุ 18-59 ปี และ ร้อยละ 97 ในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ดังนั้น ประชาชนทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่ม 608 จึงควรให้ความสำคัญในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้ตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดมากที่สุด เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อการป่วยหนักและลดการเสียชีวิต
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้รับการยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุขว่า ยาและเวชภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีเพียงพอ โดยล่าสุดสถานการณ์ยาคงเหลือ ณ วันที่ 2 ก.ค. 2565 พบว่า ยา Favipiravir 200 mg คงเหลือ7,196,268 เม็ด ยา Molnupiravir 200 mg คงเหลือ 4,092,423 เม็ด และยา Remdesivir 100 mg คงเหลือ 38,691 vial ล่าสุดคณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติโครงการจัดหายารักษาผู้ป่วยโควิด-19 ระยะเวลาดำเนินงาน 3 เดือน (ก.ค. -ก.ย. 65) ในการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ (ของใหม่) ได้แก่ Favipiravia/Molnupiravia เฉลี่ย 27 ล้านเม็ด/เดือน และ Remdesivir จำนวน 57,000 vial/เดือน รวมทั้งเป็นการแบ่งค้างชำระสำหรับ Favipiravia/Molnupiravia 165 ล้านเม็ด และค่าชุดตรวจ ATK จำนวน 1 ล้านชุด อีกด้วย เพื่อเสริมความมั่นคงทางสาธารณสุข เพิ่มความมั่นใจในประสิทธิภาพการรักษาโควิด-19 ให้กับประชาชน
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 วันนี้ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 2,607 ราย ผู้เสียชีวิต 23 ราย ผู้ที่กำลังรักษาตัว 23,445 ราย และมียอดผู้ที่หายป่วยกลับบ้านแล้ว 2,318 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วย ยืนยันสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. 65 จำนวน 2,345,026 ราย จำนวนผู้ที่หายป่วยสะสมจำนวน 2,345,449 ราย จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 854 ราย
ขณะที่รายงานภาพรวมการฉีดวัคซีนโควิด-19 สรุปจำนวนผู้ที่ได้รับได้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่ 28 ก.พ. 64 - 18 ก.ค. 65 รวม 140,756,696 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 57,062,295 โดส ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 สะสม 53,337,656 โดส และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 ขึ้นไป สะสม 30,365,745 โดส