จากกรณีนักท่องเที่ยวชาวไนจีเรีย ติดเชื้อฝีดาษลิงรายแรกในประเทศไทย ซึ่งตรวจพบที่ จ.ภูเก็ต และได้หลบหนีการรักษา ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.65 นั้น จนกระทั่งมีข่าวลือสะพัดว่าหนุ่มไนจีเรีย ที่ติดฝีดาษลิงคนดังกล่าวได้เดินทางมาที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อจะลักลอบเดินทางออกไปกัมพูชาตามช่องทางธรรมชาตินั้น

เช้าวันที่ 23 ก.ค. 65 พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ได้สั่งการให้ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว เร่งตรวจสอบหาเบาะแสตามกระแสข่าวดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นเมื่อคืนวันที่ 21 ก.ค.65 เวลาประมาณ 22.00 น. จนท.สามารถจับสัญญาณโทรศัพท์ของชาวไนจีเรียคนดังกล่าว อยู่บริเวณชายแดนบ้านทับพริก ต.ทับพริก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ซึ่งบริเวณดังกล่าว มีช่องทางธรรมชาติที่ง่ายต่อการลักลอบข้ามเขตแดน อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ติดต่อกับ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ได้ จากนั้น สัญญานได้ขาดหายไป คาดว่า ชาวไนจีเรีย คนดังกล่าวอาจจะลักลอบออกไปประเทศกัมพูชาตามช่องทางธรรมชาติแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้เนื่องจากสัญญาณโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ชาวไนจีเรีย แจ้งไว้กับเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งอาจจะไม่ใช่เครื่องที่ชาวไนจีเรียคนดังกล่าวใช้ติดตัวก็ได้ ซึ่ง เจ้าหน้าที่ยังคงตรวจสอบอยู่

ทางด้าน พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว เผยว่าจากกรณีที่มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าชายชาวไนจีเรียที่ติดฝีดาษลิง หนีมาจาก จ.ภูเก็ต และมาพบสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ ชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นั้น จากการประสานความร่วมมือไปยัง จนท.ฝ่ายความมั่นคงกัมพูชา ได้วิเคราะห์ร่วมกันว่าชาวไนจีเรียคนดังกล่าวอาจลักลอบข้ามชายแดนช่องทางธรรมชาติจากไทยออกไปประเทศกัมพูชา บริเวณบ้านหนองเอี่ยน ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศฯเนื่องจากที่ผ่านมามีการจับกุมชาวผิวดำลักลอบเข้า ออกประเทศไทย บริเวณดังกล่าว หลายครั้ง อาจจะเป็นพื้นที่ของแก๊งขนแรงงานข้ามชาติผิวดำ แต่ก็ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าจะใช่ชาวไนจีเรียคนดังกล่าวหรือไม่เพราะยังไม่มีใครพบตัว แต่ทาง ตม. จ.สระแก้ว ได้แจ้งประสานและให้เบาะแสชาวไนจีเรียคนดังกล่าวไปให้ จนท.ฝ่ายความมั่นคงกัมพูชาเพื่อเร่งหาตัวเนื่องจากเป็นโรคติดต่อร้ายแรง