วอนช่วยเหลือ ! "สาวอ้วน" หนักกว่า 300 กก. ใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง ทำงานไม่ได้
26 ก.ค. 2565, 09:48
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายสุรศักดิ์ เพชรสว่าง อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งมีภาวะอ้วนน้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม ปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง เนื่องจากพ่อทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่เด็ก ส่วนแม่ที่เป็นเสาหลักคอยดูแลก็เสียชีวิตไปเมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา ทำให้ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบาก เพราะไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง ที่หมู่บ้านหนองปรือ ต.ลำไทรโยง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ก็พบ น.ส.แหม่ม ได้ดี หรือแหม่ม อายุ 37 ปี หญิงสาวที่มีภาวะอ้วนนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้านก็มีทั้งชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และ อสม.มาเยี่ยมให้กำลังใจ ทั้งนี้ อสม.ก็ได้ใช้เครื่องวัดความดันมาทำการวัดความดันให้กับ น.ส.แหม่ม แต่เนื่องจากเธออ้วนมาไม่สามารถวัดได้
จากการสอบถาม น.ส.แหม่ม ก็บอกว่า เริ่มมีภาวะอ้วนมากประมาณ 5 ปีแล้ว แต่ปัจจุบันมีน้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม จากเมื่อก่อนก็ยังพอทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ แต่พอน้ำหนักมากเดินเหินก็ลำบาก แค่เดินไปไม่ไกลก็มีอาการเหนื่อยหอบหายใจไม่สะดวก แขนขาก็บวมเพราะรับน้ำหนักมาก แม้แต่เข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวก็ลำบาก เมื่อก่อนก็ยังพอมีแม่คอยดูแล แต่พอปลายปี 64 แม่เสียชีวิตก็ต้องอยู่คนเดียว ส่วนพ่อก็ทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่ยังเล็ก ทุกวันนี้มีเพียงป้า ซึ่งเป็นพี่สาวของแม่ ที่คอยซื้อข้าวสารและอาหารมาให้กินประทังชีวิต เพราะตนไม่สามารถทำงานอะไรได้ แต่ป้าเองก็ลำบากเพราะต้องเลี้ยงดูหลานอีกหลานคน จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐหรือผู้ใจบุญพาไปรักษาให้หายจากภาวะอ้วนมากแบบนี้ เพื่อให้สามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้
นางสำราญ แจ่มโพธิ์ อายุ 70 ป้าของ น.ส.แหม่ม บอกว่า เมื่อก่อนหลานยังพอทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ และยังมีแม่คอยดูแล แต่เมื่อประมาณ 4 - 5 ปี หลานมีน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 300 กว่ากิโลกรัม จนไม่สามารถทำงานอะไรได้ เพราะแค่เดินนิดหน่อยก็เหนื่อยหอบแล้ว ซ้ำแม่ของหลานก็มาเสียชีวิตเมื่อปลายปีที่แล้ว หลานก็ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวลำพัง ถึงแม้จะยังพอช่วยเหลือตัวเอง เช่น หุงข้าว ทำกับข้าว และเข้าห้องน้ำเองได้ แต่ตนก็ต้องคอยแวะมาดูแลนำข้าวสาร หรือกับข้าวมาให้เพราะสงสาร แต่ก็ช่วยได้ตามกำลังเพราะตนเองก็ลำบากเหมือนกันบางครั้งก็ต้องเจียดเงินเบี้ยคนชรามาซื้อข้าวสาร และเอาอาหารจากวัดมาให้หลานกิน
นางสำราญ ยังพูดทั้งน้ำตาด้วยว่า ตอนนี้ก็พอช่วยได้ตามมีตามเกิด แต่ที่เป็นห่วงคือถ้าตนเองเสียชีวิตไปแล้วใครจะดูแลหลาน จึงอยากให้หน่วยงานหรือผู้ใจบุญช่วยพาหลานสาวไปรักษาให้หายจากภาวะอ้วนมากแบบนี้ เพื่อให้หลานสามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ เพราะหากจะไปรักษาเองคงไม่มีปัญญาแค่เงินจะกินอยู่วันๆ ก็ลำบากอยู่แล้ว
ขณะที่นายนพรัตน์ สุขสำราญ รองนายก อบต.ลำไทรโยง บอกว่า จากการลงพื้นที่มาดูก็พบว่าน้องมีภาวะอ้วนมากและลำบากจริง เบื้องต้นทาง อบต.ก็จะได้ประสานผู้นำชุมชน และ รพ.สต.เพื่อพาน้องไปตรวจและยื่นเรื่องตามขั้นตอน ว่าน้องเข้าหลักเกณฑ์ที่จะได้รับเบี้ยคนพิการหรือไม่ ส่วนเรื่องอาชีพทาง อบต.ก็จะหางานที่น้องสามารถทำที่บ้านได้โดยไม่ต้องเดินทางไปมา แต่ความจริงแล้วก็อยากให้มีการฟื้นฟูสภาพร่างกายให้สามารถทำงานได้เป็นปกติก่อน ซึ่งก็จะได้หาแนวทางช่วยเหลือน้องตามขั้นตอนต่อไป
ซึ่งนายสุรศักดิ์ เพชรสว่าง อดีต สมาชิกสภา อบจ.บุรีรัมย์ และผู้นำหมู่บ้านก็ได้มอบเงินและสิ่งของอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น