เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



จนท. เร่งตรวจสอบสาเหตุ "ช้างป่า" เสียชีวิตกลางหุบเขา คาดอาจจะถูกงูพิษกัด


30 ก.ค. 2565, 08:54



จนท. เร่งตรวจสอบสาเหตุ "ช้างป่า" เสียชีวิตกลางหุบเขา คาดอาจจะถูกงูพิษกัด




จากกรณีพบช้างป่าไม่ทราบเพศเสียชีวิตเหลือแต่ซากหนังหุ้มกระดูก อยู่กลางป่าหุบเขาท้องที่หมู่ 3 บ้านโป่งปัด ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เผยช้างป่าสลักพระที่เสียชีวิตเหลือแต่ซาก เป็นเพศผู้ อายุกว่า 30 ปี พบถูกเฉือนทุบกรามเอางาไป ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น เบื้องต้นไม่ทราบว่าการที่ช้างตัวนี้เสียชีวิตมาจากสาเหตุใด อาจจะถูกงูพิษกัด หรือจากสาเหตุอื่นๆ เพราะซากเริ่มแห้งจึงยากแก่การตรวจสอบได้ ส่วนงาที่หายก็ต้องมีการตรวจ ดีเอ็นเอ ว่าไปอยู่ที่ใด

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ 29 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ร่วมกับ พ.ต.ท.มณิภัทร เพ็งเกร็ด สว.(สอบสวน) สภ.ลาดหญ้า เจ้าหน้าที่ชุดตรวจพิสูจน์หลักฐาน (สพฐ.จังหวัดกาญจนบุรี) สัตวแพทย์จากกรมอุทยานฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก ปทส. และนายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจหลักฐานได้นำอุปกรณ์เครื่องสแกรนวัตถุไปทำการสแกรนตรวนหาวัตถุของซากช้างป่าที่เสียชีวิต

และจากการตรวจหาซากช้างที่เสียชีวิต พบบริเวณด้านขวาของช้างดังกล่าว พบว่าเครื่องสแกรนส่งสัญญานลำตัวของช้าง จำนวน 5 จุด จากนั้นทางสัตวแพทย์ ได้ทำการผ่าบริเวณทั้ง 5 จุด พบว่ามีหัวกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 เข้าไปฝ้งอยู่บริเวณผิวหนังลึกประมาณ 1 เซนติเมตร โดยบริเวณที่พบหัวกระสุน ไม่พบว่าเกิดจากการอักเสบของบาดแผลแต่อย่างใด เนื่องจากจุดที่พบหัวกระสุนแห้งหมดแล้ว เบื้องต้นคาดว่าน้าจะถูกยิงมานานแล้ว ส่วนจุดอื่นๆ ไม่พบว่ากระดูขาที่คาดว่าจะเป็นช้างที่ถูกรถชนขนไปเมื่อต้นปีที่ผ่านม าและบาดเจ็บหายเข้าป่าไป ก็ไม่น่าจะใช่ช้างตัวนี้  เจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ จึงได้ตัดชิ้นเนื้อบ้างจุดกลับไปทำการตรวจ ดีเอ็นเอ เพื่อสืบหาว่างาช้างทั้ง 2 ข้าง ที่ถูกตัดเอาไปนั้นหายไปอยู่ที่ใด ซึ่งเบื้องต้นได้รับแจ้งว่าได้มีการจับงาช้างได้ที่จังหวัดตาก หากตรวจ ดีเอ็นเอ ออกมาตรงกับช้างตัวนี้หรือไม่ต่อไป

ทั้งนี้นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบซากช้างที่เสียชีวิตในเบื้องต้นของทางสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี (สพฐ) พบว่าช้างตัวดังกล่าวมีลูกกระสุนปืนลูกซองฝังอยู่ จำนวน 5 จุด ด้านขวา และเบื้องต้นกระสุนปืนลูกซองนี้ไม่ทำให้ช้างถึงกับเสียชีวิต โดยเบื้องต้นรอยแผลที่กระสุนฝังนั้นไม่ได้อักเสบแต่อย่างใด และหากการที่จะล้มช้างเพื่อเอางา จะต้องยิงในจุดสำคัญด้านหน้าของช้าง และต้องใช้อาวุธอย่างอื่น ไม่ใช่ใช้ปืนลูกซอง แต่หัวกระสุนที่พบนี้อาจจะเกิดจากชาวบ้านที่โกรธแค้น ที่ช้างเข้าไปทำลายพืชไร่ของตนเอง แล้วใช้อาวุธปืนยิงใส่ เพื่อขับไล่ช้างก็น่าจะเป็นไปได้สูง สำหรับงาที่หายอาจจะหายไปภายหลังจากที่ช้างเสียชีวิตก็เป็นได้ อย่างไรก็ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่มีการสืบสวนหาว่าช้างเสียชีวิตได้อย่างไร แล้วงา ผู้ใดเป็นผู้เอาไป  เพราะการฆ่าช้างเพื่อเอางา ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

นายไพฑูรย์  อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเสียชีวิตของช้างตัวนี้เบื้องต้นนั้นยังไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ เช่นอาจจะถูกงูมีพิษกัด หรือเกิดแผลติดเชื้ออย่างใดอย่างหนึ่งก็เป็นไปได้  เนื่องจากซากช้างที่เสียชีวิตมานานประมาณ 2 เดือน ซากได้แห้งเครื่องในช้างก็หายจากถูกสัตว์ป่ากัดกินไปบ้างส่วนแล้ว  ส่วนทางอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อม ผอ. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้สั่งการณ์ลงมาว่า ให้ตรวจสอบการเสียชีวิตของช้างป่าตัวนี้อย่างชัดเจนว่าเกิดจากสาเหตุใด และหลังจากการตรวจพิสูจน์ของทางเจ้าหน้าที่แล้ว ก็จะทำการเผาซากช้างดังกล่าว เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคต่อไป ส่วนการตรวจสอบการเสียชีวิตก็ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการ และทาง เจ้าหน้าที่เขตสลักพระก็จะช่วยสืบทางลับเพื่อแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่อีกทางหนึ่ง

ส่วนทางสัตวแพทย์ของกรมอุทยานฯ ที่เดินทางเข้าไปตรวจสอบซากช้างป่าสลักพระ กล่าวว่า กระสุนปืนลูกซองไม่ทำให้ช้างเสียชีวิตลงได้ เนื่องจากบาดแผลไม่พบการอักเสพใดๆ ส่วนสาเหตุที่เสียชีวิต อาจเกิดได้จากการติดเชื้อรุนแรงมานานก่อนที่ช้างจะล้มลงเสียชีวิต ได้ทำการตัดชิ้นเนื้อบางส่วนกลับไปเพื่อตรวจสอบสาเหตุ รวมถึงการตรวจ ดีเอ็นเอ ของช้างตัวนี้ เพื่อหาว่าไปตรงกับงาที่หายไปต่อไป









Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.