"อธิบดีกรมทางหลวง" ขอโทษปชช. หลังเกิดเหตุแผ่นปูนสะพานกลับรถหล่นทับรถ ยังไม่รู้สาเหตุแน่ชัด
1 ส.ค. 2565, 08:55
วันที่ 1 ส.ค. 65 นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ซึ่งลงพื้นที่ตรวจสอบ บริเวณสะพานกลับรถ ที่เกิดเหตุแผ่นปูนขอบสะพาน ร่วงหล่นลงมาทับรถประชาชนที่สัญจรไปมา ได้รับความเสียหาย มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บว่า จากสาตรวจสอบ ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เช้าวันนี้ (1 สค.65) ทีมเฉพาะทางจะลงมาดู และยังคงปิดการจราจรจุดนี้ จนกว่าจะมั่นใจ ว่าโครงสร้างนี้แข็งแรง
นายสราวุธกล่าวว่า สะพานกลับรถแห่งนี้ สร้างมาตั้งแต่ปี 2536 เป็นเวลาเวลา 29 ปี มีประชาขนใช้เส้นทางอย่างต่อเนื่อง และก็เคยเกิดเหตุรถบรรทุกน้ำมันไฟไหม้บนสะพานเมื่อหลายปีก่อน กรมทางหลวง ก็ได้ซ่อมบำรุงมาตลอด ครั้งนี้พบว่าพื้นสะพานเสียหายชำรุด มี 2 ช่วง ก็เริ่มซ่อมมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน จะเสร็จปลายเดือนสิงหาคมนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ถือว่าเป็นการก่อสร้างที่เกิดเหตุรุนแรง เป็นครั้งแรก
จากตรวจสอบสาเหตุเบื้องต้นคือ มีการสกัดพื้นที่เสียหายออก เพื่อที่จะเทปูนซ่อมบำรุง คาดว่าคานตัวริมที่รองรับน้ำหนักสะพาน อาจจะทำให้มีผลต่อโครงสร้างแผ่นปูนขอบสะพานร่วงหล่นลงมา ถือว่าเป็นความเสียหายระหว่างการซ่อม จากนี้จะตรวจทั้งตัวสะพานว่ายังแข็งแรงหรือไม่
ส่วนที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าเกิดจากความประมาทและสะเพร่า อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า เหตุการณ์นี้มีปัจจัยหลายส่วน เรามีการป้องกัน มีมาตราการรัดกุม สะพานนี้ก็ชำรุดมานาน พื้นที่ชำรุด และอาจจะกระทบจากการเจาะสกัดพื้น และก็ไม่ทราบว่าแผ่นปูนนี้ร่วงหล่นลงมาเพราะอะไร
“คงไม่ได้เกิดจากการสะเพร่า ที่ผ่านมา เรามีมาตราการดูแลแต่ละโครงการอย่างรัดกุม และเน้นยำความปลอดภัย และมีการตรวจสอบอย่างเต็มที่ จึงเชื่อว่า เหตุการณ์นี้ น่าจะเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น”
อธิบดีกรมทางหลวงกล่าวว่า การดูแลเยียวยา ทั้งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต จะดูแลให้เต็มที่ รวมถึง รถยนต์ที่เสียหายทั้งหมดจะดูแลเยียวยาอย่างเต็มที่เช่นกันทั้งนี้ ต้องขออภัยประชาชน เป็นอุบัติเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้น
จากนี้จะตั้งกรรมการตรวจข้อเท็จจริงว่า เกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่หรือไม่ แต่ขอดูสาเหตุที่แท้จริงก่อนการซ่อมสะพานแห่งนี้ ที่ผ่านมา ไม่ได้มีการปิดการจราจรด้านล่าง เพราะเป็นการซ่อมด้านบนสะพาน ที่อยู่ด้านบน แต่ก็มีการเตรียมอุปกรณ์ไว้ป้องกันวัตถุร่วงหล่นลงมา แต่หากมีการยกคานก็จะต้องปิดการจราจรชั่วคราว หลังจากนี้ จะต้องมีการทบทวนว่า จะดำเนินการอย่างไรกับสะพานนี้ต่อไป
ที่มา : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว