เตรียมนำเข้าวัคซีนฝีดาษลิง รุ่น 3 คาดปลายเดือน ส.ค. ถึงไทย 1,000 โดส
1 ส.ค. 2565, 19:03
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวทางการจัดหาวัคซีนต้านฝีดาษลิงว่า นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้แนวนโยบายไว้ว่า ให้จัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด อย่างที่ทราบกัน โรคฝีดาษลิงไม่ได้รุนแรงมากนักและก็ไม่ได้ติดต่อง่าย ดังนั้นวัคซีนอาจจะต่างจากวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเราอาจจะไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนฝีดาษลิงให้กับทุกคน แต่จะเลือกฉีดกลุ่มที่มีความเหมาะสม เพราะการฉีดวัคซีนชนิดใดให้กับประชาชนในวงกว้างจะต้องคำนึงถึง 4 ปัจจัย คือ 1. ประสิทธิภาพ 2. ผลข้างเคียงของวัคซีน 3. สถานการณ์การแพร่ระบาดขอโรค 4. ความเป็นไปได้ในการจัดบริการ
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้เรากำลังหาวัคซีนฝีดาษลิง เป็นวัคซีน Generation 3 ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ประสานให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้ประสานในการนำเข้ามา เข้าใจว่าอย่างช้าสุดน่าจะประมาณปลายเดือนสิงหาคมนี้ ไทยจะได้วัคซีนเข้ามา
สำหรับวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง รุ่นที่ 3 นี้ มีข้อดีคือฉีดง่ายกว่าวัคซีนรุ่นที่ผ่านมา ที่ผู้ที่เคยฉีดมาแล้วตอนนี้น่าจะอายุรุ่นๆ 40 ข้อดีอีกอย่างคือเรื่องของผลข้างเคียงก็น้อยกว่า จึงเหมาะสมที่จะนำมาเป็นวัคซีนที่จะเก็บไว้ใช้ยามจำเป็นสำหรับประชาชนกลุ่มเป้าหมายทั่วไป เบื้องต้นจะนำเข้ามา 1,000 โดส เพื่อฉีดให้คนละ 2 โดส ส่วนรายละเอียดการฉีดเว้นห่างเท่าไร และจะเลือกกลุ่มใดในการฉีดนั้น จะมีคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคฯ พิจารณาความเหมาะสมต่อไป
เมื่อถามว่าคนที่ปลูกฝีมาก่อนแล้ว สามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้มากน้อยแค่ไหน นพ.โอภาส กล่าวว่า เราต้องดูรายงานให้ครบถ้วนด้วย ทางยุโรปที่มีข้อมูลว่าผู้ที่ติดโรคฝีดาษลิงมีอายุมากกว่า 40 ปีจำนวนมาก ต้องดูที่สัดส่วนว่าเป็นอย่างไร และต้องเทียบกับกลุ่มคนอายุน้อยด้วย อาจเป็นไปได้ว่ากลุ่มที่ติดเชื้อเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง
ข้อมูลที่บอกว่าวัคซีนฝีดาษคนเดิมข้อมูลทางระบาดวิทยาพบว่า คนที่ฉีดแล้วเมื่อไปพบกลุ่มเสี่ยงต่างๆ จะมีประสิทธิภาพในการป้องกัน 80% อย่างไรก็ตาม โรคนี้เป็นโรคใหม่เราอาจมีข้อมูลทางวิชาการค่อนข้างจำกัด จึงต้องติดตามข้อมูลและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด คงไม่ต้องกังวลกันเกินไป ใช้มาตรการส่วนบุคคลจะดีที่สุด