วันนี้ ( 14 ส.ค.65 ) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า การบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ห้ามนายกฯ ดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี แล้วมีนักกฎหมายบางส่วนอ้างว่า ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ จากการรัฐประหาร คือคนละเรื่องกับนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ 60 เอามานับรวมไม่ได้นั้น ชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่กฎหมาย แต่เป็นการกดหัว ที่เขียนไว้ใช้กับบางฝ่ายเท่านั้นว่า  พอเข้าใจได้ว่า เมื่อรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นประโยชน์ให้กับพรรคพวกตัวเอง จึงเป็นธรรมดาที่นายณัฐวุฒิต้องออกมาบอกว่ารัฐธรรมนูญปัจจุบันเขียนไว้เพื่อใช้กับบางฝ่ายเท่านั้น แต่ถ้าลองว่าเป็นประโยชน์กับพรรคพวกตัวเอง ก็คงรีบชี้แจงว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ เหมือนกับที่เคยออกมานำม็อบแบบไม่สนกฎหมาย กดหัวคนส่วนใหญ่ของประเทศให้ยอมรับการละเมิดสถาบัน การทำลายทรัพย์สินราชการและเอกชน ว่าเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย ทั้ง ๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สิ่งที่ทำคือการบ่อนทำลายประชาธิปไตย หรือต้องให้เกิดเหมือนกรณีของกฎหมายนิรโทษแบบสุดซอยขึ้นอีกอย่างนั้นหรือ ถึงจะเรียกว่าประชาธิปไตย ถ้านายณัฐวุฒิบอกว่าคนที่เขียนรัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นผู้รับเหมา ตนก็เชื่อว่าในพรรคเพื่อไทยเวลานี้คงเหลือ ส.ส.อยู่น้อยเต็มที่ เพราะมีแต่ผู้รับเหมาที่รอรับคำสั่งจากประธานบริษัทเพียงคนเดียวอยู่ทุกวี่วันเช่นกัน

“ที่ผ่านมานายกฯ ไม่เคยตอบโต้ทางการเมืองใด ๆ มุ่งทำงานเพื่อช่วยประชาชนจากความเดือดร้อนลูกเดียว ส่วนที่บอกว่าถ้าไม่มีรัฐประหาร 2557 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็อาจเป็นนายกฯ 8 ปีได้เช่นกันนั้น ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่ ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ครบ 8 ปีไม่ได้ก็เพราะเชื่อใครคนหนึ่ง ผลักดันกฎหมายสุดซอยจนคนทั้งประเทศรับไม่ได้ต่างหาก ถ้าจะโทษใครสักคน ก็ควรโทษตัวเองน่าจะเหมาะสมที่สุด อย่างไรก็ตาม เรื่องวาระการดำรงตำแหน่งควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และหากศาลมีคำตัดสินอย่างไร ก็ขอให้เคารพคำตัดสินด้วย ไม่ใช่ว่าตัดสินไม่ตรงกับที่ตัวเองคาดหวังไว้ก็ตีโพยตีพาย กล่าวโทษศาลรัฐธรรมนูญอีก” นายธนกร กล่าว