เปิดใจ "สองผัวเมีย" ซึ้งน้ำใจแท็กซี่ส่งถึงบ้านอุดรฯ มีเงินติดตัวแค่ 500
16 ส.ค. 2565, 12:45
คนไทยไม่แล้งน้ำใจ หลังโซเชียลแห่ชื่นชม หนุ่มกรุงเทพฯแท็กซี่หัวใจหล่อ พาครอบครัว 3 ชีวิต พ่อแม่ลูกเจอร้องไห้ข้างทาง พาไปส่งที่บ้านจ.อุดรธานี ระยะทางเกือบ 500 กม. ล่าสุดลุงกล้วยเปิดใจเผยชีวิตเล่นละครจากรวยล้นฟ้าสู่กรรมการที่กรุงเทพฯ พาเมียและลูกน้อยออกจากห้องเช่า ก่อนเจอพี่แท็กซี่ใจดีพาส่งถึงบ้าน พระคุณครั้งนี้จะไม่ลืมไปจนวันตาย
วันนี้ (15 ส.ค.65) ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากชาวโซเซียลแห่ชื่นชมหนุ่มแท็กซี่หัวใจหล่อขับรถไกลเกือบ 500 กม.ไปส่งสองสามีภรรยาถึงอ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี ต่างพากันชื่นชมคนไทยไม่แล้งน้ำใจ โดยในโลกออนไลน์มีการแชร์เรื่องราวจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ Anurak Nakgamthong ซึ่งเป็นโชเฟอร์แท็กซี่ใจดี เล่าเรื่องราวตอนที่ขับรถส่งผู้โดยสาร แล้วได้พบกับครอบครัว 3 ชีวิต ประกอบด้วย พ่อแม่และลูกน้อย นั่งร้องไห้อยู่ที่สถานีรถไฟหลักสี่ จึงจอดรถเข้าไปสอบถามจนทราบว่า ทั้งครอบครัวไม่มีเงินจ่ายค่าห้องเช่า จึงโดนไล่ออกจากห้องกลางดึก ไม่มีที่ไป จึงเตรียมกลับบ้านที่อุดรธานี แต่รถก็หมดแล้ว โชเฟอร์จึงอาสาขับรถไปส่งกลับบ้านฟรี เป็นระยะทางกว่า 446 กิโลเมตร ต่อมาโชเฟอร์ยังมาโพสต์เล่าเรื่องราวต่อว่า ได้พาครอบครัวนี้ส่งถึงหน้าบ้าน ที่ อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี โดยสวัสดิภาพ ใช้เวลาเดินทางกว่า 12 ชั่วโมง เนื่องจากสภาพการจราจรช่วงวันหยุดยาว ทั้งนี้ มีผู้ใจบุญร่วมบริจาคค่าแก๊สเพื่อช่วยเหลือแท็กซี่หนุ่มใจดีท่านนี้ ล่าสุดได้ปิดรับบริจาคเงินเป็นที่เรียบร้อย
โชเฟอร์แท็กซี่ใจดี เล่าเหตุการณ์วันนั้นว่า ผมเป็นขับแท็กซี่ที่กรุงเทพฯ วันนั้นเป็นวันแม่วันที่ 12 สิงหา ขับรถตระเวณรับผู้โดยสารแถวถนนวิภาวดี-รังสิต ขับมาที่สถานีรถไฟหลักสี่ ประมาณเที่ยงคืน ก็เจอพ่อแม่ลูกนั่งอยู่ริมทางหน้าสถานีรถไฟ คุณแม่อุ้มลูกนั่งร้องไห้อยู่ ผมก็เดินไปจอดเผื่อเขาจะให้ช่วยอะไร คุณพ่อก็เดินมาหาผมบอกผมว่า อยากกลับบ้าน ตอนแรกเขาบอกว่า เขาอยู่กุมภวาปี ผมก็ถามว่ากุมภวาปีอยู่ไหน เขาบอกว่า อยู่จ.อุดรธานี ผมก็ร้องโอ้โห จ.อุดรธานีเลยหรือ ผมก็ถามว่า มาคุยกันก่อนไหมเกิดอะไรขึ้น คุยกันไปมาเขาก็ร้องไห้หนักมาก เขาก็เล่าให้ฟัง ถ้าช่วยได้ผมจะช่วย จนทราบเรื่องว่า ทำงานรับจ้างรายวันที่จีบหมู เจ้าของห้องไม่พอใจเลยออกจากห้องเห็นว่าไม่มีจ่ายค่าห้องด้วย ผมก็สงสารรวมทั้งเด็กด้วย 4 เดือน ผมจึงตัดสินใจว่า เดี๋ยวผมไปส่งให้เลยนะ ตกลงบ้านอยู่อ.ศรีธาตุ ตอนนั่งอยู่ในรถ คนที่เป็นแม่ก็ร้องไห้ตลอด ผมก็ให้กำลังใจ แต่ผมก็ติดใจว่าทำไมไล่กลางดึก เขาบอกว่า เจ้าของห้องรำคาญเสียงเด็กร้องไห้ ไล่ไม่ให้อยู่ ออกจากกรุงเทพเที่ยงคืนวันที่ 12 ส.ค.มาถึงบ้านที่อ.ศรีธาตุ ประมาณเที่ยงวันที่ 13 ส.ค.โดยตนเองไม่คิดค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว แต่ก็มีเพื่อนๆ และน้ำใจชาวโซเซียลมาโอนค่าเชื้อเพลิงมาให้ เหตุที่ช่วยผมดูแล้วสงสารเด็กอายุแค่ 4 เดือน ตอนแรกมาไกลกว่า 446 กม.ผมห่วงเรื่องรถจะเสีย แต่โชคดีที่รถไม่เสีย ผมขับรถแท็กซี่มาแล้ว 7-8 ปีก็เคยช่วยคนลักษณะแบบนี้บ้าง พอไปถึงบ้านเรียบร้อยที่อ.ศรีธาตุผมก็กลับทันทีและตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมลูกน้อยของผัวเมียอีกไม่นาน เพราะน้องน่ารักมาก และขออนุญาติตั้งชื่อลูกน้อยของสองผัวเมียว่า “น้องกาฟิว” เพราะหน้าตาน่ารักเหมือนแมว และครอบครัวนี้เหมือนแมว 9 ชีวิต
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 239 หมู่ 8 บ้านศรีสง่าเมือง เขตเทศบาลต.ศรีธาตุ อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี ก็พบกับสองผัวเมียคู่นี้มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสที่ได้กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยหลังจากพี่แท็กซี่ใจดีมาส่งถึงบ้าน ขณะที่เพื่อนบ้านที่ทราบว่าต่างพากันแห่ดีใจมาเยี่ยมครอบครัวของลุงกล้วยและชื่นชมพี่แท็กซี่ใจดีคนนี้และต่างพากันมาดูลุงกล้วยเพราะไม่ค่อยกลับมาบ้านและไปอยู่กรุงเทพฯ 20-30 ปีแล้ว ญาติบางคนคิดว่าตายไปแล้ว ทราบชื่อนายดาวเรือง อภัยนิพัฒน์ อายุ 50 ปี ชาวอ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานีหรือ “ลุงกล้วย” ผู้เป็นสามี และน.ส.พรเทพา เทพนิกุล 41 ปี หรือ “น้องนุ้ย” อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ภรรยา และหนูน้อยวัย 4 เดือน 3 วัน ตอนนี้ชื่อใหม่เป็น “กาฟิว” แล้ว
ลุงกล้วย เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง ผมภรรยาและลูกน้อยไม่มีเงินถูกเจ้าของห้องไล่ออกจากห้องเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าห้องและเขารำคาญเสียงเด็กร้องไห้ตลอดเวลาตนก็พาภรรยาอุ้มลูกน้อยมาที่สถานีรถไฟ เพื่อจะขึ้นรถไฟกลับบ้าน ช่วงนั้นไปถึงดึกต้องรออีกวัน จึงพาเมียและลูกมานั่งข้างถนน ผมก็เจอพี่แท็กซี่ขับมาถามก็เล่าให้ฟังจากนั้นไม่คิดว่าพี่เขาจะมาส่งถึงบ้านจริงๆ ไม่คิดตังค์ค่าโดยสารสักบาทเลย เดือนที่แล้วเงินผมช็อตจริงๆ
ลุงกล้วย บอกอีกว่า ผมมีอาชีพรับจ้างเจาะปูน แล้วไม่มีค่าห้อง พอไม่มีเงิน โดนไล่ออกจากห้อง ก็เลยตัดสินใจพาเมียกลับมาบ้านเกิด อีกอย่างผมไม่ได้กลับบ้านมา 20-30 ปีแล้ว แต่ก่อนครอบครัวผมก็มีฐานะ มีพี่น้อง 7 คนผมเป็นคนสุดท้าย พอดีมีปัญหาครอบครัวก็หนีไปบวช จากนั้นก็ไปเรื่อยเปื่อยสึกจากพระก็ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ส่วนภรรยาคนนี้แต่ก่อนเป็นเพื่อนทำงานด้วยกัน สุดท้ายก็อยู่ด้วยกันจนมีลูก ตั้งชื่อว่า “เคอร์ฟิว” แต่พี่แท็กซี่บอกว่าเปลี่ยนเป็นกาฟิวดีกว่า ผมดีใจมากที่พี่แท็กซี่ใจดีมาส่งถึงบ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย พี่แท็กซี่เขาบอกว่า เงิน 500 บาทเก็บไว้ซื้อนมให้ลูกแล้วกัน ผมขอขอบคุณพี่แท็กซี่มากๆ ไม่คิดว่าเมืองไทยจะมีคนดีแบบนี้เหลืออยู่ ขอบคุณจากใจจริงๆ
ต่อไปการใช้ชีวิตยังไม่คิด ขออยู่บ้านไปก่อน แต่บ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่บ้านตัวเองเป็นบ้านพี่สาว แต่พี่สาวประกาศขายแล้ว ก็คงอยู่สักระยะ ดูว่าจะทำอะไรต่อยังคิดไม่ออก แต่ตอนนี้นอนหาวิธีคิดที่จะหางานทำและวางแผนใช้ชีวิตที่บ้านเกิดต่อไปก่อนเพราะจะเอาอย่างไร แต่ผมก็จะหางานทำเพื่อหาเงินมาดูแลลูกและเมียให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ ลุงกล้วยกล่าวอย่างมีความหวังตอนท้าย