เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



รัฐบาลยินดี R&I คงอันดับความน่าเชื่อถือไทย ที่ A- "มีเสถียรภาพ"


29 ส.ค. 2565, 17:17



รัฐบาลยินดี R&I คงอันดับความน่าเชื่อถือไทย ที่ A- "มีเสถียรภาพ"




วันนี้ ( 29 ส.ค.65 ) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลยินดีที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น “Rating and Investment Information, Inc. (R&I)” ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้และผู้ออกตราสารหนี้ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ โดยคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ A- และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยถึงการจัดอันดับของ R&I ซึ่งแสดงได้ว่า เห็นถึงมาตรการทางการเงินและการคลังของรัฐบาลไทยในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับมีปัจจัยบวกด้านการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตจากต่างประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างเต็มที่ โดย R&I เชื่อมั่นว่า รัฐบาลยังคงรักษาเสถียรภาพทางการคลังและใส่ใจต่อภาระหนี้สาธารณะ (Debt Burden) ภายใต้พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ในระดับที่เหมาะสม 



ในขณะที่ R&I คาดว่า ภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) ในปี 2566 ดุลบัญชีเดินสะพัดจะกลับมาเกินดุลจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการลดลงของราคาพลังงาน นอกจากนี้ ภาคการเงินต่างประเทศยังมีความเข้มแข็ง เนื่องจากมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงและสภาพคล่องต่างประเทศมีความเข้มแข็ง แม้ในปี 2565 ประเทศไทยจะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจากรายได้ภาคการท่องเที่ยวลดลง ต้นทุนด้านการขนส่งเพิ่มขึ้น การขาดแคลนของเซมิคอนดักเตอร์ และการล็อคดาวน์ระลอกใหม่ของสาธารณรัฐประชาชนจีนก็ตาม ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเชิงรุกในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC และลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลักดันให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว

“รัฐบาลพิจารณา ประเมิน และดำเนินนโยบายทางการเงินการคลังอย่างเหมาะสม ต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูประเทศจากผลกระทบการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และภาวะสถานการณ์จากเศรษฐกิจโลก โดยยึดตามประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อวิถีชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชน ตลอดจนเพื่อเพิ่มศักยภาพและโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยอย่างยั่งยืน” นายอนุชาฯ กล่าว







Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.