ดีเจดังร้องสื่อฯ เป็นหนี้เงินกู้นอกระบบ จ่ายดอกเบี้ยยาว 1 ปีกว่า 1 แสนบาท เงินต้นคงที่ 15,000 บาท
4 ก.ย. 2565, 15:12
วันที่ 3 ก.ย.65 ที่ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช นายอุดร อายุ 62 ปี นักจัดรายการวิทยุชื่อดังจังหวัดนครศรีธรรมราชและภาคใต้ ซึ่งตกอับเป็นลูกหนี้เงินกู้นอกระบบ จนได้รับความความเดือดร้อนอย่างหนัก เข้าพบนายยุทธนา แต่งวงศ์ นายกสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช และนายไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช เพื่อปรึกษา และขอความช่วยเหลือ และขอยืมเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อไปจ่ายค่าดอกเงินกู้รายวัน
ดีเจ กล่าวว่า ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตนประสบปัญหาการจัดรายการวิทยุ ประกอบกับไม่สามารถตามเก็บเงินจากสปอนเซอร์ได้ จึงตองยุติการจัดรายการวิทยุและหันมาช่วยภรรยา อายุ 60 ปี ค้าขายไก่ยางและอาหารกล่อง ต่อมาภรรยาลมป่วยโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน ร่างกายอ่อนแอ ตนจึงต้องรับภาระทำงานหาเงินเองทั้งหมด โดยภาระทำงานหาเงินเองทั้งหมดภรรยาช่วยเหลือเล็กน้อย รายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย จึงต้องกู้เงินนอกระบบ เงินกู้ฉุกเฉินครั้งแรก 5,000 บาท จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยทุกวัน ๆ ละ 100 บาท และขยายกู้เพิ่มเงินต้นเป็น 10,000 บาท และ 15,000 บาท จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยวันละ 300 บาท โดยเงินต้นยังอยู่เหมือนเดิม จนกว่าจะสามารถนำเงินต้นมาจ่ายล้างหนี้ได้หมด ซึ่งตนจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยมากว่า 1 ปี เป็นเงินกว่า 1 แสนบาท แต่เงินต้น 15,000 ยังอยู่เหมือนเดิม
ดีเจ กล่าวอีกว่า ระยะหลัง ๆ ไม่สามารถผ่อนจ่ายได้ถูกตามทวง และข่มขู่ว่าหากดไม่จ่ายจะมาตามถึงที่ร้านในตลาดหัวถนน ตนกลัวภรรยาจะได้รับความกระทบกระเทือนและอาจจะช๊อกด้วยโรคหัวใจ เพราะที่ผ่านมาปกปิดภรรยาตลอด หนักเข้าตนหาดอกเบี้ยมาจ่ายไม่ได้ ต้องหลบหนีและค้างจ่าย จนไม่สามารถทนต่อไปได้ไหว จึงมาปรึกษานายก และประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. เพื่อให้ช่วยเหลือประสานกับเจ้าหนี้เงินกู้ ขอผ่อนจ่ายเฉพาะต้น 15,000 บาท จนกว่าเงินต้นจะหมด เพราะกว่า 1 ปี ที่ผ่านมา ตนจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยไปกว่า 1 แสน ถือว่ามากพอแล้ว
เบื้องต้นนายยุทธนา ได้ควักเงินช่วยเหลือไปจ่ายเป็นค่าดอกก่อน 1,000 บาท พรอมจะปรึกษาหารือกับเจ้าหนาที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการช่วยเหลือต่อไป โดยอาจจะต้องใช้กฎหมายดำเนินการ เพราะแก๊งเงินกู้ในลักษณะนี้เป็นการประทำผิดตาม พ.ร.บ.เงินกู้ให้กู้เงินโดยเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และ พ.ร.บ.ทวงหนี้ และความผิดในกรณีอื่น ๆ เช่น ข่มขู่ คุกคาม ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สินอย่างเด็ดขาดต่อไป