อัยการฯ สั่งฟ้อง "ปารีณา" คดีฟาร์มไก่รุกป่าสงวนฯ ผิดกฎหมาย 4 ฉบับ ส่อจำคุกสูงสุด 30 ปี
7 ก.ย. 2565, 16:24
เมื่อวันที่ 7 กันยายน ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการที่ดิน (กมธ.) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มี พล.อ.ต.เสรีพิสุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็นประธาน กมธ.ฯ ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ตามที่ กมธ.ฯ ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด
เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา นายธงชัย ศรีสวัสดิ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการภาค 7 รักษาการในตำแหน่งอัยการ จ.ราชบุรี ได้ตอบกลับหนังสือถึง พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ โดยมีใจความว่า ตามที่ท่านได้ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุด ขอทราบผลการดำเนินคดี น.ส.ปารีณา ผู้ต้องหา ในสำนวนคดีอาญาที่ 448/2562 ของสถานีตำรวจภูธรจอมบึง คดีอาญาที่ 1/2563 ตามที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำการสอบสวนเพิ่มเติม และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ จ.ราชบุรี พิจารณาแล้ว เพื่อประกอบการพิจารณานั้น
สำนักงานอัยการ จ.ราชบุรี ได้รับสำนวนการสอบสวนของสถานีตำรวจภูธรจอมบึง และสำนวนการสอบสวนของกองบังคับการตำรวจปราบปรามฯ เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2564 ต่อมา น.ส.ปารีณาได้ร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ จ.ราชบุรี อธิบดีอัยการภาค 7 และอัยการสูงสุด หลายครั้งต่างวันเวลากัน สำนักงานอัยการ จ.ราชบุรี ได้มีการตั้งองค์คณะร่วมกันพิจารณาสำนวนเพื่อให้เกิดความละเอียดรอบคอบและเป็นธรรม และได้ดำเนินการสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมตามประเด็นในหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหา ซึ่งในขณะนี้ได้รับผลการสอบสวนเพิ่มเติมจากพนักงานสวบสวนครบถ้วนแล้ว
องค์คณะได้ร่วมกันพิจารณาเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 2 สำนวน ฐานความผิด ร่วมกันยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต
ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ร่วมกันเข้ายึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงก่นสร้างหรือเผาป่า กระทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย ในบริเวณที่รัฐมนตรีประกาศหวงห้ามในราชกิจจานุเบกษา หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน
โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันประกอบกิจการน้ำบาดาล ในเขตน้ำบาดาลใดๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีสิทธิ หรือสิทธิครอบครองที่ดิน ในเขตน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 4, 5, 6, 8, 9, 14, 26/4, 26/5, 31, 35 ที่แก้ไขแล้ว กฎกระทรวงฉบับที่ 1,069 (2527) ออกตามความใน พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ 2507 ลงวันที่ 12 ก.ย. 2527 ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ลงวันที่ 27 ก.ค. 2531 พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 4, 54, 55, 72 ตรี, 74 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 1, 8, 9, 108 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 ก.พ.2515 ข้อ 11 พ.ร.บ.น้ำบาดาล 2520 มาตรา 3, 5, 16, 36 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83, 91 ที่แก้ไขแล้ว
ขณะนี้อยู่ในระหว่างเสนอสำนวนต่ออธิบดีอัยการภาค 7 พิจารณาตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ 2563 ข้อ 42 (กรณีคดีสำคัญ)
ทั้งนี้รายงานข่าวจาก กมธ.แจ้งว่า สำหรับความผิดตามของ น.ส.ปารีณา เป็นการทำความผิดตามกฎหมายหลัก 4 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ 2507 พ.ร.บ.น้ำบาดาล 2520 และ พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายที่ดินฯ
ทั้งนี้เฉพาะในส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 พ.ร.บ.ป่าไม้ 2507 ในกรณีบุกรุก เนื้อที่เกินกว่า 25 ไร่ มีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 10-20 ปี โทษปรับ 2 แสน-2 ล้านบาท โดยหากรวมความผิดทุกกระทง น.ส.ปารีณาอาจมีโทษจำคุกถึง 30 ปี