มท.1 ประธานร่วมการประชุมคณะจนท.อาวุโสร่วม และประชุมคณะผู้ว่าฯชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 7
16 ก.ย. 2565, 15:29
วันนี้ ( 16 ก.ย.65 ) พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทย เป็นประธานร่วมกับสมเด็จกลาโหม ซอร์ เค็ง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายกัมพูชา ในการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 7 (Plenary Meeting) เมื่อเวลา 11.00 – 13.00 น. และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายไทย เป็นประธานร่วมกับท่าน สัก เสทา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ราชอาณาจักรกัมพูชา ในฐานะหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายกัมพูชา ในการประชุมคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสร่วม สำหรับการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 7 (Senior Officials Meeting) เมื่อเวลา 09.00 – 11.00 น. โดยมีองค์ประกอบคณะผู้แทนไทย อาทิ นายชยาวุธ จันทร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทยด้านราชอาณาจักรกัมพูชาหรือผู้แทน จำนวน 7 จังหวัด ได้แก่ นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นายศรัณยู มีทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นายสำรวย เกษกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายสมเพชร สร้อยสระคู รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด รวมทั้งมีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมพร้อมกัน ณ ห้องประชุมราชสีห์ อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย และประชุมร่วมกับฝ่ายกัมพูชาผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference)
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทยกล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นประธานการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 7 ในวันนี้ ซึ่งนับตั้งแต่การประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 6 ที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 2560 จนมาถึงการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 7 ซึ่งฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ นับเป็นนิมิตรหมายอันดีต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ โดยความร่วมมือระหว่างสองประเทศได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องบนฐานความเข้าใจ และผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศมีความเป็นอยู่อย่างสงบและปลอดภัย รวมทั้งดำรงไว้ซึ่งประเพณีอันดีงาม มีความช่วยเหลือเอื้ออาทรต่อกัน ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงมหาดไทยแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา มีบทบาทสำคัญยิ่งในการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศ ตลอดเวลาที่ผ่านมามีหลายเรื่องได้รับการแก้ไขให้ยุติลงในระดับจังหวัด และถือว่ากลไกนี้ เป็นกลไกที่ใกล้ชิดต่อความเป็นอยู่ของประชาชนมากที่สุด และสามารถนำเจตนารมณ์ของรัฐบาล ตลอดจนความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อความผาสุกของประชาชน ตลอดแนวชายแดนทั้งสองประเทศ เราจึงต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็ง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจชายแดน ด้านสังคมและวัฒนธรรม โดยให้จังหวัดชายแดนสานต่อความร่วมมือและแนวคิดนี้ให้เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน จึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การประชุมครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่ง ที่จะนำไปสู่ความร่วมมือ และสร้างสรรค์ความมั่นคงและมั่งคั่ง ให้แก่ประชาชนตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศสืบไป
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายไทย ได้รายงานผลบันทึกการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 7 ว่าตามที่คณะเจ้าหน้าที่อาวุโสร่วมสำหรับการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 7 ได้จัดการประชุมร่วมกัน เพื่อจัดทำบันทึกการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 7 ซึ่งได้เห็นชอบร่วมกัน ในเบื้องต้นแล้ว ในการประชุมคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสร่วมสำหรับการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 7 โดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายไทย และมีท่าน สัก เสทา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายกัมพูชา ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา โดยทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันเตรียมการจัดการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 7 โดยมีการประชุมในระดับคณะทำงานและคณะเลขานุการร่วมฯ ไทย - กัมพูชา ซึ่งเป็นไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพ และทั้งสองฝ่ายร่วมยินดีกับการประชุม JBC ครั้งที่ 3 การประชุม JC ครั้งที่ 11 การประชุม GBC ครั้งที่ 15 รวมทั้งการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 6 นอกจากนี้ยังได้รับทราบผลการเยือนของผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับประเด็นที่มีการหารือร่วมกัน ได้แก่ การดำเนินการเกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องการข้ามแดน การบริหารจัดการการสัญจรข้ามแดนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนบริเวณชายแดน การคมนาคมขนส่ง ความร่วมมือด้านการเกษตรบริเวณชายแดน ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม ความร่วมมือด้านแรงงาน การบริหารจัดการจุดผ่านแดน การสาธารณสุข และการพัฒนาชุมชน การจัดการภัยพิบัติ การลักลอบตัดไม้โดยผิดกฎหมาย การดำรงรักษาสิ่งแวดล้อมชายแดน การป้องกันและการปราบปรามอาชญากรรมบริเวณชายแดน ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ความร่วมมือเมืองพี่เมืองน้อง และกลไกความร่วมมือระดับจังหวัดและท้องถิ่น ทั้งนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทย และสมเด็จกลาโหม ซอร์ เค็ง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา หัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายกัมพูชา ได้รับรองร่างบันทึกการประชุมฯ ดังกล่าว
บรรยากาศในการประชุมครั้งนี้ เป็นไปด้วยมิตรภาพ และสร้างสรรค์ นับเป็นความก้าวหน้าของความร่วมมือ และความสัมพันธ์ที่แนบแน่นยิ่งขึ้นในอีกระดับหนึ่งระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนกัมพูชา รวมทั้งกระทรวงมหาดไทยแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงมหาดไทยแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้มีการปรึกษาหารือกันในหลายประเด็น ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน การบริหารจัดการการข้ามแดนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกัน มิให้เกิดปัญหาและการก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ และการอำนวยความสะดวกในการข้ามแดนให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา ให้สามารถไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นและเป็นการการส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนของทั้งสองฝ่ายให้มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือในด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านวัฒนธรรม การท่องเที่ยว การศึกษา ด้านสุขภาพ ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน อันนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดของทั้งสองประเทศ นำผลการหารือครั้งนี้ ไปสานต่อและดำเนินการให้เป็นรูปธรรมในพื้นที่อันจะนำมาซึ่งความผาสุกและความอยู่ดีกินดีแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยขอให้จังหวัดและอำเภอของทั้งสองประเทศได้มีการปรึกษาหารือ รวมทั้งไปมาหาสู่กันอย่างสม่ำเสมอ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวทิ้งท้ายปิดการประชุม