เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"ผู้ซื้อ-ผู้ขาย" อ่วม ! ค่าผ่อนอสังหาฯ ต้นทุนพุ่ง ราคาบ้านเพิ่ม 5%


1 ต.ค. 2565, 14:48



"ผู้ซื้อ-ผู้ขาย" อ่วม ! ค่าผ่อนอสังหาฯ ต้นทุนพุ่ง ราคาบ้านเพิ่ม 5%




เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565  นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์(REIC) เปิดเผยว่า การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 1% ถือว่าขึ้นมามากพอสมควร เมื่อเทียบกับพื้นฐานการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ และย่อมต้องมีผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาพอสังหาริมทรัพย์ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการ และกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัย โดยผู้ประกอบการ จะมีต้นทุนการเงินในการลงทุนเพิ่มกู้ในอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ส่วนผู้ซื้อจะได้รับผลกระทบอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและทำให้วงเงินกู้ที่ได้รับสินเชื่อลดลง

นายวิชัยกล่าวว่า โดยอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 0.25% ที่วงเงินสินเชื่อ 2.5 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 30 ปี ทำให้วงเงินที่ได้รับสินเชื่อลดลง 100,000 บาท หรือ หากวงเงินกู้เท่าเดิมจะทำให้เงินงวดผ่อนต่อเดือนเพิ่มสูงขึ้นเดือนละ 400 บาท ตลอด 30 ปี สวนทางกับปัจจุบันราคาที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และความสามารถทางการเงินของผู้ซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวดี ส่วนผู้ที่อยู่ระหว่างผ่อนบ้านก็จะได้รับผลกระทบด้วย แม้เงินงวดยังไม่ขึ้น แต่การตัดชำระเงินต้นลดลง ถ้าอัตราดอกเบี้ย MRR/MLR ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าในปัจจุบัน ทำให้มีการเพิ่มค่างวดผ่อนชำระ และกลุ่มกำลังจะพ้นช่วงดอกเบี้ยโปรโมชั่นจะรีไฟแนนซ์ระหว่างธนาคารมากขึ้น



“ในทางจิตวิทยาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลต่อกลุ่มผู้ซื้อบ้านทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางค่อนข้างต่ำ เป็นกลุ่มเปราะบางด้านอาชีพ รายได้และรายจ่าย และได้รับการปฏิเสธสินเชื่อมากกว่ากลุ่มรายได้สูง ส่วนกลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุนอาจทำให้ชะลอการตัดสินใจ เพราะต้นทุนการลงทุนในการถือครองอสังหาฯ สูงขึ้น และนำเงินไปลงทุนในรูปแบบอื่นได้ผลตอบแทนดีขึ้น ซึ่งตลาดบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาทน่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าระดับราคาอื่น”นายวิชัยกล่าว


นายสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่ขึ้น 0.25% จากปัจจุบัน 0.75% เป็น 1% ในขณะนี้ ส่งผลต่อลูกค้าและผู้ประกอบการ มีภาระผ่อนเพิ่มขึ้น โดยดอกเบี้ยขึ้นทุก 1% ทำให้ลูกค้ามีค่าผ่อนเพิ่ม 500 บาทต่อเดือน ขณะที่ผู้ประกอบการจะมีต้นทุนโดยรวมเพิ่มขึ้น 5% แยกเป็นเงินกู้เพิ่มขึ้น 1% และค่าก่อสร้างเพิ่ม 4% คาดว่าจะทำให้ราคาบ้านเพิ่มขึ้น 5% ส่วนต่อะมีการปรับขึ้นหรือไม่อยู่ที่ผู้ประกอบการแต่ละบริษัท ดีมานด์และซัพพลายในตลาด ซึ่งคอนโดมิเนียมคาดว่าราคาจะยังทรงตัวไปถึงปี2566 เพราะยังมีสต็อกเก่ารอระบาย แต่ขึ้นอยู่กับทำเล อาจจะขึ้นราคา 1-2% ส่วนบ้านแนวราบราคาจะปรับตามต้นทุน ทั้งนี้ปัจจุบันหลังดอกเบี้ยมีแนวโน้มขาขึ้น มีผู้ประกอบการทำโปรโมชั่นให้อยู่ฟรี 1-2 ปี เพื่อลดภาระลูกค้า






Recommend News

















©2018 ONBNEWS. All rights reserved.