ปภ. เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม 17 จังหวัด และน้ำล้นตลิ่งในลุ่มน้ำเจ้าพระยา 5 จังหวัด
5 ต.ค. 2565, 10:59
วันที่ 5 ต.ค. 65 เวลา 10.00 น. ปภ.รายงานจากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคเหนือด้านตะวันตก ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับผลกระทบจากพายุโนรู ทำให้เกิดน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 17 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน เพชรบูรณ์ พิจิตร ตาก นครสวรรค์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ขอนแก่น เลย ชัยภูมิ มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ ลพบุรี สระแก้ว และปราจีนบุรี รวม 89 อำเภอ 376 ตำบล 1,970 หมู่บ้าน ขณะที่พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยายังมีน้ำล้นตลิ่งใน 5 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ปทุมธานี สิงห์บุรี และชัยนาท รวม 20 อำเภอ 161 ตำบล 776 หมู่บ้าน โดย ปภ.ได้ประสานทุกจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหายและให้ช่วยเหลือประชาชน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคเหนือด้านตะวันตก ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย อีกทั้งผลกระทบจากสถานการณ์พายุโนรู ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรงในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยในช่วงวันที่ 28 ก.ย. – 5 ต.ค. 65 เกิดสถานการณ์ภัยในพื้นที่ 30 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน พะเยา เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง สุโขทัย เพชรบูรณ์ ตาก พิจิตร อุตรดิตถ์ น่าน แพร่ นครสวรรค์ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร อุบลราชธานี ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ เลย ชัยภูมิ มหาสารคาม มุกดาหาร ลพบุรี กาญจนบุรี สระบุรี สระแก้ว ปราจีนบุรี และพังงา รวม 139 อำเภอ 471 ตำบล 2,060 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 41,324 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 3 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 17 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน เพชรบูรณ์ พิจิตร ตาก นครสวรรค์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ขอนแก่น เลย ชัยภูมิ มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ ลพบุรี สระแก้ว และปราจีนบุรี รวม 89 อำเภอ 376 ตำบล 1,970 หมู่บ้าน
1. เชียงใหม่ น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ รวม 3 ตำบล 3 หมู่บ้าน อยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
2. ลำพูน น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองลำพูน อำเภอบ้านโฮ่ง รวม 4 ตำบล 10 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
3. เพชรบูรณ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวิเชียรบุรี อำเภอศรีเทพ อำเภอบึงสามพัน อำเภอหนองไผ่ อำเภอ หล่มสัก และอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ รวม 37 ตำบล 151 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,070 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
4. พิจิตร น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามง่าม อำเภอวชิรบารมี อำเภอดงเจริญ อำเภอทับคล้อ อำเภอบึงนาราง และอำเภอบางมูลนาก รวม 25 ตำบล 113 หมู่บ้าน ระดับน้ำทรงตัว
5. ตาก น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามเงา และอำเภอบ้านตาก รวม 4 ตำบล 28 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,342 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
6. นครสวรรค์ น้ำท่วมในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหนองบัว อำเภอพยุหะคีรี อำเภอท่าตะโก อำเภอไพศาลี อำเภอโกรกพระ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอตาคลี อำเภอลาดยาว และอำเภอชุมแสง รวม 35 ตำบล 177 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,740 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
7. ศรีสะเกษ น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอห้วยทับทัน อำเภอยางชุมน้อย อำเภอวังหิน อำเภอภูสิงห์ อำเภอน้ำเกลี้ยง และอำเภออุทุมพรพิสัย รวม 16 ตำบล 46 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,301 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และอพยพประชาชน 528 ครัวเรือน 2,152 คน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 23 จุด ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
8. อุบลราชธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ อำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอเดชอุดม อำเภอดอนมดแดง อำเภอสำโรง อำเภอพิบูลมังสาหาร และอำเภอตระการพืชผล รวม 19 ตำบล 59 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,260 ครัวเรือน อพยพประชาชน 117 ชุมชน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 74 จุด ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
9. ขอนแก่น น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอชนบท อำเภอน้ำพอง และอำเภอโคกโพธิ์ชัย รวม 11 ตำบล 46 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 120 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
10. ชัยภูมิ น้ำท่วมในพื้นที่ 16 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคอนสวรรค์ อำเภอเนินสง่า อำเภอจัตุรัส อำเภอเกษตรสมบูรณ์ อำเภอภูเขียว อำเภอบ้านเขว้า อำเภอหนองบัวแดง อำเภอบ้านแทน อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอหนองบัวระเหว อำเภอภักดีชุมพล อำเภอเทพสถิต อำเภอคอนสาร อำเภอซับใหญ่ และอำเภอแก้งคร้อ รวม 65 ตำบล 317 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,389 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
11. นครราชสีมา น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอสูงเนิน และอำเภอชุมพวง รวม 11 ตำบล 28 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 885 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
12. บุรีรัมย์ น้ำท่วมในพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านด่าน อำเภอพุทไธสง อำเภอสตึก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอนางรอง อำเภอปะคำ อำเภอบ้านกรวด อำเภอกระสัง อำเภอคูเมือง อำเภอชำนิ และอำเภอลำปลายมาศ รวม 31 ตำบล 122 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 308 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
13. เลย น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอเมืองเลย รวม 2 ตำบล 7 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 127 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
14. มหาสารคาม น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองมหาสารคาม อำเภอกันทรวิชัย อำเภอโกสุมพิสัย และอำเภอเชียงยืน รวม 40 ตำบล 413 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,530 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
15. ลพบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองลพบุรี อำเภอชัยบาดาล อำเภอบ้านหมี่ อำเภอโคกสำโรง และอำเภอพัฒนานิคม รวม 53 หมู่บ้าน 343 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 15,567 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
16. ปราจีนบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอเมืองปราจีนบุรี และอำเภอประจันตคาม รวม 17 ตำบล 103 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,363 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
17. สระแก้ว น้ำท่วในพื้นที่อำเภอเมืองสระแก้ว รวม 3 ตำบล 4 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ขณะที่สถานการณ์น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ภาคกลางลุ่มน้ำเจ้าพระยา ยังคงมีสถานการณ์ 5 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ปทุมธานี สิงห์บุรี และชัยนาท รวม 20 อำเภอ 161 ตำบล 776 หมู่บ้าน ภาพรวมสถานการณ์มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่และให้การดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องและจะได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับ แจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT”