ไม่จบง่ายๆ ! แม่แชมป์หนูน้อยกล้วยไข่ โพสต์ฟาดกลับ แพ้แล้วพาล ไม่ยอมรับความจริง !
6 ต.ค. 2565, 11:09
จากกรณีดราม่าได้เผยคลิปการประกวดนางงามเด็กหนูน้อยกล้วยไข่เมืองกำแพง ซึ่งในคลิปจะเห็นว่า คุณแม่บุกขึ้นเวทีหลังประกาศผลตัดสิน "น้องอิงฟ้า" ได้รางวัลรองชนะเลิศ ได้ถอดรางวัลคืนให้กองประกวด ก่อนเดินจูงมือลูกสาวกลับบ้าน
แม่ของน้องอิงฟ้าได้เผยว่าวันนี้อิงฟ้าได้ที่ 2 ขอดูคะเเนนที่เป็นลายมือกรรมการก็ไม่ให้ดู ทำเสียงดังใส่เราและ ผปค.ทุกคนที่ขอดูคะเเนนองซ้อมตอบคำถามหนักมาก ตอนจับเบอร์รายงานตัวเด็กบอกกติกาว่า "บังคับผมฟาร่าเท่านั้น" แต่คนที่ได้รางวัล1 แค่ทรงผมก็ผิดกติกาแล้ว เกณฑ์การตัดสินคืออะไร ยืนหันหน้าหันหลังคุยกับเพื่อนแต่คะเเนนบุคลิกภาพเต็ม ลูกเรายิ้มไม่หุบ หลังตรง นิ่งมาก แต่ได้คะเเนนน้อยกว่า
ต่อมาคุณแม่ของน้องวัย 5 ขวบ ที่ชนะเลิศได้รางวัลที่ 1 เผยว่าตนเองเป็นแม่ค้าขายขนมจีบรถเข็นอยู่ริมทาง เป็นคนหาเช้ากินค่ำ ไม่ได้มีเส้นสายใหญ่โตหรือมีคนรู้จักในกองประกวดเลย ลูกของตนเป็นเด็กร่าเริง ยิ้มง่าย ลูกกล้าแสดงออกตนก็รู้สึกภูมิใจมากแล้ว แล้วตนเองก็ไม่สบายใจเวลาอ่านคอมเมนทร์ที่ด่าตนและลูกสาว
ล่าสุด(5ต.ค.65) แม่ของแชมป์หนูน้อยกล้วยไข่เหมือนจะยังไม่จบ ได้ออกมาโพสต์อีกรอบ จากการที่มีดราม่ากันเกิดขึ้นของน้องในการประกวดหนูน้อยกล้วยไข่เมืองกำแพงเพชร 2565 มีข่าวต่าง ๆ มากมายในตอนแรกกับคอมเม้นต์ต่าง ๆ กระแสทางต่างลบของน้อง..ทางแม่ของน้องขอใช้พื้นที่นี้ชี้แจงในส่วนของความรู้สึกที่เราก็อยากปกป้องลูกของเราเหมือนกัน #Saveน้องลูกคือความภูมิใจของฉันและฉันรอคอยเขามาทั้งชีวิต
1. เราเคารพในการตัดสินของท่านคณะกรรมการ ซึ่งทางเราขอยืนยันว่าเราไม่รู้จักท่านคณะกรรมการแต่ละท่านเราไม่ได้เป็นเด็กเส้นหรือรู้จักคนมีชื่อเสียงและเป็นเพียงแม่ขายขนมจีบแป้งสด ซึ่งเป็นร้านรถเข็นริมทาง
2. เรื่องทรงผมทางเรารู้ว่าน้องทำผมไม่เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ในการประชุมเรื่องการแต่งกายกฎข้อบังคับคือเสื้อแขนกระบองผ้าซินพื้นเมือง แต่ทรงผมที่ประชุมได้ให้มีการเสนอทรงผม แต่ไม่มีใครพูดอะไรทางผู้จัดการงานก็สรุปเป็นขอความร่วมมือให้..ทำผมทรงฟาร่า..ให้เป็นในทางเดียวกันและในวันงานทุกคนเห็นว่าน้องทำผมเกล้ามา..ทำไมไม่ประท้วงกันตั้งแต่ตอนนั้นหรือแจ้งคณะกรรมการหรือผู้จัดงานให้น้องเดินแล้วตกรอบแรกไปเลย เพราะถ้าเป็นแบบนั้นทางเราก็เต็มใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าทำผมมาไม่เหมือนคนอื่น แค่ลูกได้เดินขึ้นเวทีแค่รอบแรกก็ดีใจแล้ว
3. ลูกเราแค่ 5 ขวบไม่เคยเดินสายประกวด ประสบการณ์ก็ไม่มี ไม่เคยเข้าคอร์สการเดินแบบหรือการปรับบุคคลิกภาพ เพราะเราไม่ได้ตั้งใจมาสายนี้ แต่ที่มาประกวดก็แค่หาประสบการณ์ สร้างความกล้าแสดงออก มีไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหา การควบคุมอารมณ์เด็ก 5 ขวบ ทำได้ขนาดนี้ในความคิดเราน้องเก่งมาก เหนื่อยก็อดทน ไม่เคยบ่น แต่ลูกเราก็สู้มาถึงรอบสุดท้าย..คุณคงมั่นใจว่าลูกเราคงไม่ได้ที่ 1 เพราะคุณลงทุนไปเยอะ แต่ผลตอบรับกลับไม่เป็นไปตามคาด..พาลค่ะพาล
4. เราไม่เคยคาดหวังว่าลูกเราต้องได้ที่ 1 แค่เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ก็มาไกลเกินฝันแล้ว แค่รอบ 10 คน ที่มีการตอบคำถามหลังจากลงเวทีเราบอกลูกว่า..กลับบ้านกันลูก พี่ ๆ เขาตอบกันเก่งมากเราไม่คิดว่าจะเข้ารอบ 5 คน ด้วยซ้ำ
5. คุณบอกว่าพอประกาศผลว่าน้องได้ที่ 1 มีแต่คนโห่กันทั้งงาน...เราขอให้คุณฟังดี ๆ ว่าเสียงโห่หรือเสียงปรบมือหรือเสียงยินดีให้กำลังใจน้อง..แต่ท่านผู้ชมให้กำลังเสียงปรบมือดังตั้งแต่รอบตอบคำถามแล้ว..ไม่ทราบว่ามีปัญหาเรื่องประสาทหูหรือเปล่าค่ะ
6. ลูกเราก็มีการซ้อมเดินการตอบคำถามแต่เป็นเพียงการซ้อมกันกันเองไม่ได้เข้าคอร์สเป็นพัน..ทำเท่าที่เราทำได้คำถามก็เป็นไหวพริบล้วน ๆ เป็นการแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าของเด็ก 5 ขวบ ลูกเราไม่ได้ท่องจำเพราะไม่รู้คำถาม..เพราะคำถามที่เราซ้อมก็มีแต่ซองคำถามนั้นเด็กคนอื่น ๆ จับซองได้ไป คำถามนี้เราก็คิดไม่ถึง เราถือว่าลูกเราเก่งมากแล้วในสายตาเรา..เราภูมิใจในตัวลูกเรามาก
สุดท้ายนิทานเรื่องนี้สอนให้อยู่ว่าอย่าคาดหวังอะไรมากเกินไป เพราะถ้าไม่เป็นไปตามที่หวังมันจะรู้สึกเจ็บมากและจงยอมรับในผลของการกระทำที่มันเกิดขึ้นเพราะข้อผิดพลาดย่อมสามารถแก้ไขได้เสมอ..จงให้กำลังไม่ใช่กดดัน ยอมรับข้อผิดพลาดแล้วแก้ไข ยอมรับกับความเป็นจริงแล้วสู้ต่อไป..จงอย่าตัดสินใจคนอื่นเพียงแค่ความคิดของคุณเพียงฝ่ายเดียว เหรียญมันมี 2 ด้าน อย่าตัดสินความข้างเดียวถ้าคุณยังไม่ได้ฟังความอีกฝ่ายหนึ่ง และที่สำคัญเราไม่ใช่จุดศูนย์กลางของโลกใบนี้..