นายกฯ ลงพื้นที่เพชรบูรณ์ติดตามแก้ไขปัญหาอุทกภัย เตรียมแผนเผชิญเหตุเฝ้าระวังใกล้ชิด
6 ต.ค. 2565, 15:45
วันนี้ ( 6 ต.ค.65 ) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (6 ตุลาคม 2565) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจติดตามแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัย ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และพลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมคณะด้วย
ในเวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมท่าอากาศยานจังหวัดเพชรบูรณ์ นายกรัฐมนตรีประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำและอุทกภัยในพื้นที่ ซึ่งจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโนรู ทำให้น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตร ได้รับผลกระทบจํานวน 10 อําเภอ 89 ตําบล 696 หมู่บ้าน 2 เทศบาล 8 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,647 ครัวเรือน โดยอำเภอหล่มสักได้รับความเสียหายมากที่สุด ทั้งนี้ ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพื้นที่มีความลาดชัน แม่น้ำป่าสักในบางช่วงค่อนข้างแคบ มีความสามารถในการระบายน้ำต่ำ มีส่ิงกีดขวางทางน้ำและลำน้ำตื้นเขิน ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงมีแนวทางการป้องกันแก้ไขโดยการปรับปรุงประสิทธิภาพแหล่งเก็บกักน้ำเดิม พัฒนาพื้นที่ชะลอน้ำ ปรับปรุงประสิทธิภาพลำน้ำ ปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมจัดทำระบบป้องกันน้ำท่วมและระบายน้ำในเขตชุมชน รวมทั้งการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ
โดยในช่วงที่ประชาชนประสบอุทกภัย จังหวัดได้มีการให้ความช่วยเหลือดูแลอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกำชับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าอำนวยความสะดวก ดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แจกจ่ายถุงยังชีพ ข้าวกล่อง และอพยพประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งการจัดตั้งจุดพักพิงชั่วคราว และได้เน้นย้ำการดูแลปากท้องของผู้ประสบภัย การแจ้งเตือนภัย เตรียมพร้อมแผนเผชิญเหตุ และการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดด้วย อย่างไรก็ตาม ภาพรวมสถานการณ์น้ำในขณะนี้ยังมีน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรในบางพื้นที่ แต่ส่วนใหญ่ระดับน้ำลดลงและทรงตัว โดยทางจังหวัดมีการติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าได้ติดตามและรับทราบสถานการณ์มาโดยตลอด โดยได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งแก้ปัญหาโดยเร็ว แม้บางพื้นที่สถานการณ์น้ำล้นตลิ่งจะดีขึ้น ปริมาณน้ำลดลง แต่ขอให้ติดตามสถานการณ์ฝนที่จะตกในพื้นที่ในอนาคต ซึ่งอาจจะมีฝนตกเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพภูมิอากาศจะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยรัฐบาลได้แก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งมาโดยตลอดในทุกพื้นที่ มีการสนับสนุนงบประมาณเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่าทุกภาคส่วนต้องเยียวยาดูแลผู้ประสบภัยเร่งด่วน พร่องน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรและพื้นที่เศรษฐกิจ ดูแลสำรวจข้อมูลผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและได้รับความเสียหาย และเร่งฟื้นฟูช่วยเหลือดูแลประชาชนภายหลังน้ำลดต่อไป นายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำ ระบบการสื่อสารกับประชาชนต้องชัดเจนและทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์การดูแลผู้ป่วยติดเตียงและผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ต้องให้การดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด รวมทางการจัดส่งเครื่องยังชีพให้กับกลุ่มประชาชนที่ยังไม่ได้ย้ายออกจากบ้านด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกำชับส่วนราชการเร่งอำนวยความสะดวก ดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมเตรียมแผนเผชิญเหตุ และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจะเร่งขับเคลื่อนโครงการเพื่อการแก้ปัญหาระยะยาวต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปยังเทศบาลตำบลตาลเดี่ยว อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อพบปะให้กำลังใจประชาชนและเยี่ยมเยียนบ้านเรือนที่ประสบอุทกภัย ก่อนเดินทางไปตรวจติดตามสถานการณ์น้ำป่าสัก และเยี่ยมเยียนประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่เศรษฐกิจ เทศบาลเมืองหล่มสัก ณ สวนสาธารณะดงตาล ตำบลหล่มสัก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์.