"โจร 2 ผัวเมีย" ขโมยตัดหัวแก๊ส จับได้คาหนังคาเขา ผัวรอด เมียไม่รอด ร้องขอความเมตตา อย่าเอาเรื่องมีลูกต้องเลี้ยง
15 ต.ค. 2565, 12:47
วันที่ 14 ต.ค.65. จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า รักษาเล็บขบ แก่งคอย สระบุรี ได้โพสคลิปวีดีโอ พร้อมระบุข้อความว่า ‘’ เตือนภัย ชาวแก่งคอย ระวัง โจรออกลักขโมยของเมื่อคืนนี้เวลาตี 2 ใด้มีโจรสองผัวเมียออกลักขโมยของจับใด้พอดีขณะกำลังตัดหัวแก๊สใส่ถุงกำลังจะข้นย้ายออกจากร้าน ข้าวต้มเจ้นิว ขอนหอม เบื้องต้นค้นกะเป๋าเจออุปกรณ์ตัดงัดแงะต่างๆ และพบยาบ้า จำนวนนึง ตำรวจแก่งคอยจับดำเนินคดี ข้าวของใครหายลองไปดูนะเผื่อจะเป็นคนเดียวกัน ส่วนอีกคนปีนหนีกำแพงจับไม่ใด้ ‘’
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง ร้านสักลาย ร้านทำเล็บขบ ตั้งอยู่ที่ 153/3 หมู่ 7 ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้พบกับ นาย สุริยา ย้อยสกุล อายุ 34 ปี (เจ้าของร้าน) ได้พาไปดูร้าน ข้าวต้ม เจ๊นิว ที่เกิดเหตุ และเล่าให้ฟังว่า ตนเองนั่งทำงานอยู่ที่ร้านสักลาย ช่วงประมาณ 02.00 น. ตนเห็นเหมือนมีคนลับๆล่อๆอยู่ตรงนี้พอดี จึงได้ข้ามมาดู เห็นเขา วิ่งหนี ตนสงสัยจึงได้วิ่งตามดู มีผู้ชายกระโดดปีนข้ามกำแพงไปแล้ว แต่ผู้หญิงแอบอยู่ใต้โต๊ะ ค้นหาอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง จึงได้เดินมาดูข้าวของที่เขาตัดไว้ เตรียมที่จะขนย้าย เป็นพวก หัวแก๊ส ถังแก๊ส ขาแก๊ส และหม้อข้าวสแตนเลส ซึ่งเขาเตรียมใส่ถุงดำยกไว้ริมถนน เพื่อเตรียมที่จะขนย้าย แต่ช่วงที่เขากำลังจะขนย้าย ตนเองสังเกตเห็นพอดี พอเขาเห็นตนมอง เขาก็วิ่งหนี จึงได้วิ่งตามมาดู เพราะตอนแรกคิดว่า เจ้าของร้านอยู่ แต่ไฟปิดมืด ตอนที่ตนมาจับ เขาก็ร้องขอชีวิตว่า อย่า ทำอะไรเขาเลย หนูมีลูกมีเต้าอะไรแบบนี้ แต่อาการของเขาเหมือนคนขาดสติ เหมือนเมายา พูดไปทั่ว สุดท้ายได้ค้น กระเป๋า เจอมีด ครีม พวกอุปกรณ์การตัด และพบยาบ้าอีกจำนวน 4-5 เม็ด ก็น่าจะลักขโมยของเพื่อนำเงินไปเสพยา เขาขี่รถจยย.มา แต่ไปจอดซ่อนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ประมาณ 500 เมตร ได้เอาผ้ามาคลุมทะเบียนไว้ จากนั้นตนจึงได้แจ้งเจ้าของร้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มา พอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาได้คลุมตัวเขาไว้ เขาก็ร้องขอชีวิตอย่างเดียวว่า อย่าทำอะไรหนูเลย หนูไม่ได้ทำจริงๆ ตนจึงได้ถามว่า แล้วไปตัดของเขาทำไม เขาก็บอกว่า หนูแค่ตัดเฉยๆ ไมได้คิดจะเอาไป และเขาก็ โวยวายด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ไอเหี้ย ไอสัส ขอให้พวกมึงชิบหาย ขอให้พวกมึงเจ๊ง สาเหตุที่ด่าตนไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่น่าจะเกิดจากอาการคลั่งนิดนึง และอาจจะมีส่วนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปล่อยตัวเขาด้วย ส่วนตนเห็นว่าเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงกัน และในแก่งคอยก็มีโจรออกอาละวาดเยอะมาก พอเขาโดนจับได้ ก็รู้สึกอุ่นใจว่าจับไปได้แล้ว 1 โจร รู้สึกอุ่นใจที่ ได้ช่วยเพื่อนบ้าน เพราะถ้าเขาไปซื้อใหม่ก็น่าจะ 3,000-4,000 บาท เพราะเป็นอุปกรณ์ทำมาหากิน และช่วงนี้ก็หากินลำบากด้วย มาเจอแบบนี้อีกก็แย่อยู่ ช่วงที่ตนไปจับ ได้ไปกับน้องอีกคนหนึ่งที่เป็นลูกค้าวิ่งมาด้วยกัน และมีพี่ที่ร้านค้าขับรถผ่านมาพอดีจึงได้เรียกเขาไว้ เพราะตอนนั้นตนวิ่งไปจับกันแค่ 2 คน เพราะเห็นมีคนร้าย 2 คน ซึ่งดูแล้วน่าจะจับไม่อยู่ ตนเองเดาว่าเขาน่าจะเป็นผัวเมียกัน ผู้หญิงน่าจะอายุประมาณ 30 ปีกว่าๆ รูปร่างท้วม ผิวดำ ส่วนผู้ชายตนไม่เห็นหน้า เขาบอกว่ามาจากระยอง มาขายพวงมาลัยอยู่แถวนี้ แต่ตนเองไม่เคยเห็นหน้าเลย ตนจึงไม่เชื่อ เพราะคนทำผิดก็อ้างไปทั่ว และตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับไปเรียบร้อยแล้ว
นายสมยศ สุขสถิต อายุ 28 ปี (ขายอาหารตามสั่ง) เล่าว่า ตนเองขี่รถกลับมาจากเซเว่น เห็นคนอยู่ในร้านข้าวต้มพร้อมกับของที่มาวางหน้าร้าน เห็นเป็นผู้หญิง 1 คน พอกลับมาถึงบ้านจึงได้เรียกน้อง และกลับไปที่ร้านใหม่ เหมือนเขาวิ่งหนี ตนเห็นไม่ชัดว่ามีผู้ชายหรือเปล่า ก็เลยวนดูและโทรถามพี่เจ้าของร้าน ว่า เอาของมาวางไว้หน้าร้านหรือเปล่า จะเตรียมย้ายของไปไหนมั้ย พี่เขาก็บอกว่า ไม่ได้ย้าย ตนจึงได้เรียกพี่ที่อยู่ร้านสักให้มาช่วย และเดินวนหากัน ไปเจอผู้หญิงแอบอยู่ใต้โต๊ะหลังร้าน จึงได้เรียกเขาออกมา และจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจขับรถผ่านพอดี ก็เลยตะโกนเรียกเขา คนร้ายที่เป็นผู้หญิงได้อ้อนวอน ไม่ให้เอาเรื่องเอาความ พอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาได้สักพัก จึงได้ค้นกระเป๋า แต่ก็ค้นหาไม่เจอ มีน้องคนหนึ่งสังเกตเห็นว่าเขาไปกอดกระถางต้นไม้ และเหมือนเอาอะไรยัดไว้ น้องจึงได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดู เปิดเจอในกระเป๋ามียาบ้าอยู่ 4 เม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวไปโรงพัก เขาได้โวยวายตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับใส่กุญแจมือ ทั้งแช่งทั้งด่า บอกว่า เอาเปรียบคนจน ทำร้ายคนจน ตนจึงได้บอกว่า ถ้าพี่เป็นคนจน แล้วทำแบบนี้มันก็ไม่ถูก เพราะสถานะความจนกับการมาขโมยของ มันไม่ควรทำ และในคลิปมีการร้องไห้ แต่เป็นการร้องไห้ที่ไม่มีน้ำตา ได้อ้อนวอนว่าไม่ให้เอาเรื่อง ตนรู้สึกดี เพราะค่าใช้จ่ายในแต่ละอย่างที่เขาจะเตรียมขโมย มันมีมูลค่าค่อนข้างสูง เช่น ขาตั้งแก๊ส 3 ขา หัวเตาแก๊ส 3 หัว และหม้อที่ใช้ทำข้าวต้ม และมีร่องรอยการตัดสายแก๊สที่หัวออก ยกแต่หัวเตรียมใส่ถุงดำไว้ ส่วนถังแก๊สทางร้านจะเก็บไว้ในห้องอยู่แล้ว
ขณะดูสถานที่เกิดเหตุกันอยู่ได้มี นาย ชัชชัย ชาวนา อายุ 39 ปี เข้ามานั่งคุกเข่าร้องไห้ยกมือไหว้ ขออย่าเอาเรื่อง น.ส.ประนอม อ้นสืบสาย อายุ 46 ปี ที่เป็นแฟนของตน จนทำให้คนที่ยืนอยู่ต่างพากันงง นาย ชัชชัย ได้เล่าให้ฟังว่า ผู้ก่อเหตุเป็นแฟนของตน ได้เอารถจยย.ของตน ยี่ห้อ ฮอนด้า คลิ๊ก สีดำแดง หมายเลขทะเบียน 4-0796 ระยอง ป้ายแดง ขี่รถออกมาหาของเก่ากับชายคนหนึ่ง ไม่ทราบว่าเป็นใคร แล้วมาก่อเหตุลักของที่ร้านดังกล่าว ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเขาเป็นผู้ป่วยจิตเวชและติดยาบ้าด้วย เสพวันละ 2 เม็ด เมื่อวานนี้เขาบอกว่า ไม่สบาย ตนจึงบอกว่า อย่าพึ่งออก ให้หายก่อนแล้วค่อยออกหากิน และทะเลาะกัน ตนเองกับแฟนพึ่งได้มาเช่าห้องอยู่ที่สามแยกโรงไฟฟ้าแก่งคอยยังไม่ถึงอาทิตย์ แล้วได้นั่งรอแฟนอยู่หน้าปากซอย จนเพื่อนบอกว่า ให้เข้าไปนอน เดี๋ยวแฟนก็กลับมา ตนตามหาทั้งคืน แต่ไม่รู้จะไปหาที่ไหน พึ่งมารู้ตอนบ่ายมีเพื่อนที่เก็บของเก่ามาบอกว่า แฟนอยู่โรงพัก พอรู้ตนก็เสียใจ แต่จะทำยังไงได้ พฤติกรรมของแฟน ไม่เคยลักขโมยของ พึ่งจะมาลักครั้งนี้ แต่ยอมรับว่าแฟนของตนเสพยาบ้าจริง จึงได้เดินมาหาเจ้าของร้านเพื่อไม่ให้เอาเรื่อง นาย สุริยา ย้อยสกุล (เจ้าของร้านสัก) ได้โทรหาเจ้าของร้านที่เกิดเหตุ ว่ามีแฟนของผู้ก่อเหตุ มาขอเรื่องอย่าเอาเรื่อง ทางเจ้าร้านก็บอกว่า ไม่มีเจตนาที่จะเอาอยู่แล้ว เพราะเห็นใจคนหาเช้ากินค่ำ แต่ต้องไปบอกตำรวจว่าเขาจะเอาเรื่องหรือไม่เอา ถ้าตำรวจไม่เอา ตนเองก็ไม่เอาเรื่องเหมือนกัน
ส่วนนายสุริยา ย้อยสกุล (เจ้าของร้านสัก) ได้เล่าให้ฟังอีกว่า ตนเองไม่เชื่อว่า นาย ชัชชัย (แฟนผู้ก่อเหตุ) ไม่ได้มากับ น.ส.ประนอม ที่มาลักของเมื่อคืนนี้ เพราะว่าตนเห็นเป็นผู้ชายไม่เห็นหน้า แต่น่าจะมาด้วยกัน แล้วที่นาย ชัชชัย พูดมาทั้งหมด ตนเองไม่ชื่อ เหมือนลักษณะมาเล่นละครหลอก อีกอย่างดูลักษณะ นายชัชชัย น่าจะเสพยาบ้าด้วย เพราะเวลาพูดมีอาการรนๆ ถ้าเจ้าของร้านเขาไม่เอาเรื่อง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเอาเรื่อง ก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้