เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ ( 18 ตุลาคม 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีชาวบ้านตำบลแก อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ จากหลายหมู่บ้านจำนวนหลายร้อยคน ได้อุ้มลูกจูงหลานพากันออกมาประท้วงปิดถนนไม่ยอมให้รถบรรทุกทรายวิ่งผ่านหมู่บ้าน ที่บริเวณทางโค้งบ้านแก ม.ที่ 10 ต.แก อ.รัตนบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางที่วิ่งมาจากตำบนกุดขาคีม มาผ่านตำบลแก เพื่อที่จะออกสู่ถนนใหญ่ที่อำเภอรัตนบุรี จ.สุรินทร์ โดยการนำของกำนันและผู้ใหญ่บ้านในตำบลแก ซึ่งได้เป็นตัวแทนในการเข้าเจรจากับคนขับรถบรรทุกทรายว่า ชาวบ้านไม่ให้รถที่บรรทุกทรายวิ่งผ่าน แต่หากจะผ่าน ก็ต้องกลับรถเอาทรายไปลงไว้ยังจุดเดิมที่ขนมาก่อน เหลือแต่รถปล่าวๆแล้วจึงจะให้วิ่งผ่านหมู่บ้านไปได้ ส่วนรถยนต์อื่นๆนั้นยังคงให้วิ่งผ่านไปได้ปกติ ยกเว้นรถที่บรรทุกทรายเท่านั้น ทำให้บริเวณถนนเส้นนี้ มีรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อจอดติดเป็นทางยาวกว่า 1 กม. ซึ่งเป็นรถที่บรรทุกทรายมาทั้งสิ้น ซึ่งต้องมาคอยกลับรถตรงจุดที่ชาวบ้านมารวมตัวกัน เพื่อที่จะวิ่งกลับไปเอาทรายลงยังตำบลกุดขาคีมก่อน ซึ่งเป็นจุดที่มีการสต็อกทรายไว้ของเอกชนรายหนึ่ง ที่อยู่ริมลำน้ำมูลในตำบลกุดขาคีม แล้วจึงจะวิ่งรถปล่าวย้อนกลับมาผ่านทางได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.รัตนบุรี มาคอยช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องจราจรให้ เนื่องจากถนนมีความแคบ และมีรถติดสะสมกันเป็นจำนวนมา ซึ่งก็เป็นไปด้วยความทุลักทุเล
โดย นางสำราญ นามโคตร อายุ 61 ปี ชาวบ้านตำบลแก ซึ่งได้ออกมาร่วมประท้วงด้วยก็ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ชาวบ้านเดือดร้อนมาก มีรถขนทรายวิ่งกันเยอะ กลัวถนนเสีย วิ่งกันตั้งแต่ตี 4 จนถึง 4 ทุ่ม 5 ทุ่มทุกวันมาเป็นอาทิตย์แล้ว วันนี้ชาวบ้านก็เลยมารวมตัวกันปิดถนนไม่ให้วิ่ง เพราะถนนก็น้ำท่วม แล้วรถบรรทุกทรายก็ยังมาวิ่งอีก ถนนก็จะทรุดและพัง เพราะถนนเส้นนี้ทุกหมู่บ้านก็จะต้องมาวิ่งผ่านถนนเส้นนี้ทั้งหมดเพื่อเข้าสู่อำเภอรัตนบุรี ชาวบ้านก็เลยเดือนร้อนมาประท้วงกัน
และ นางกองแก้ว นาดี อายุ 75 ปี ชาวบ้านแก ม.10 ก็ได้กล่าวว่า เดือดร้อนมาก ถนนจะขาด เคยประท้วงบอกให้หยุดวิ่งก็ไม่หยุด แต่ก่อนบอกว่าจะขนเอาไปช่วยน้ำท่วม ก็ไม่ว่าอะไร แต่ตอนนี้มันขนเยอะเกิน บอกให้หยุดก็ไม่หยุด ชาวบ้านก็เลยออกมาประท้วงกัน
จากการสอบถาม นายสมานมิตร ยิ่งงาม กำลันตำบลแก (ใส่แว่นตาดำ) ถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ก็ทราบว่า วันนี้ชาวบ้านเดือดร้อนเรื่องรถขนทรายวิ่งผ่านหมู่บ้าน เนื่องถนนมีน้ำท่วม เกรงว่าถนนจะพัง เนื่องจากมีรถบรรทุกทรายวิ่งมาเป็นจำนวนมาก วันละ 50 ถึง 60 คัน ซึ่งก็เคยคุยกันแล้วว่าให้หยุดวิ่งก่อนจนกว่าน้ำมันจะแห้ง แต่ก็ไม่หยุดวิ่ง ยังคงวิ่งกันอยู่เหมือนเดิม ชาวบ้านก็เดือดร้อนเลยไม่พอใจพากันออกมาร้องและประท้วงกัน ซึ่งในตอนแรกก็ขอกันว่าจะเอาทรายไปช่วยน้ำท่วม เอาไปใส่กระสอบทราย แต่เอาเข้าจริงๆมันไม่ใช่ เพราะถ้าวิ่ง 10-20 เที่ยวก็น่าจะพอ แต่พอตนไปถามกับคนขับรถ ก็ปรากฏว่าเขาเอาทรายไปขาย ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ใช่แล้ว เป็นการผิดคำพูด เป็นการฉวยโอกาสเพราะช่วงนี้ทรายหายากเพราะมีน้ำท่วม แต่กลับมาอ้างว่าจะเอาไปช่วยน้ำท่วม