ปภ. เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ 30 จังหวัด
19 ต.ค. 2565, 12:20
วันที่ 19 ต.ค. 65 เวลา 11.30 น. ปภ.รายงานร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลางในช่วงวันที่ 16 – 19 ต.ค. 65 ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 3 จังหวัด 8 อำเภอ 27 ตำบล 139 หมู่บ้าน ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 2 จังหวัด รวม 4 อำเภอ 10 ตำบล 61 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 340 ครัวเรือน ส่วนผลกระทบจากฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ยังมีสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 28 จังหวัด 136 อำเภอ 833 ตำบล 5,516 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 395,032 ครัวเรือน ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสานจังหวัดดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องและเร่งระบายน้ำเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ภัย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักต่อเนื่อง และฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ในช่วงวันที่ 16 – 19 ต.ค. 65 ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต สตูล และพังงา รวม 8 อำเภอ 27 ตำบล 139 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,190 ครัวเรือน
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ 2 จังหวัด 4 อำเภอ 10 ตำบล 61 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 340 ครัวเรือน ดังนี้
1.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 65 เกิดน้ำท่วมขังถนนในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง ระดับน้ำลดลง
2.สตูล เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 65 น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอมะนัง อำเภอละงู และอำเภอ
ควนกาหลง รวม 9 ตำบลประชาชนได้รับผลกระทบ 340 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
สำหรับผลกระทบจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากและมีลมแรง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และอ่าวไทย รวมถึงความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีน ยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ตลอดจนมีการระบายน้ำจากเขื่อนลงแม่น้ำสายหลัก และลำน้ำสาขา ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง โดยช่วงวันที่ 28 ก.ย. – 18 ต.ค. 65 เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่รวม 59 จังหวัด 325 อำเภอ 1,641 ตำบล 10,101 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 473,076 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 6 ราย
ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่รวม 28 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี หนองบัวลำภู อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม นครนายก สระบุรี ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา รวม 136 อำเภอ 833 ตำบล 5,516 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 395,032 ครัวเรือน แยกเป็น
1.พิษณุโลก น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางระกำ อำเภอพรหมพิราม รวม 16 ตำบล 59 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,980 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
2.พิจิตร น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามง่าม อำเภอบึงนาราง อำเภอเมืองพิจิตร อำเภอตะพานหิน อำเภอโพทะเล อำเภอโพธิ์ประทับช้าง และอำเภอบางมูลนาก รวม 29 ตำบล 329 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,455ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
3.นครสวรรค์ น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอท่าตะโก อำเภอเก้าเลี้ยว อำเภอลาดยาว และอำเภอชุมแสง รวม 34 ตำบล 180 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 26,201 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
4.ขอนแก่น น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอชนบท อำเภอน้ำพอง อำเภอโคกโพธิ์ชัย อำเภอบ้านไผ่ และอำเภอแวงใหญ่ รวม 13 ตำบล 48 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 120 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
5.มหาสารคาม น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองมหาสารคาม อำเภอกันทรวิชัย อำเภอโกสุมพิสัย และอำเภอเชียงยืน รวม 46 ตำบล 529 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,201 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
6.กาฬสินธุ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอร่องคำ อำเภอฆ้องชัย อำเภอกมลาไสย อำเภอกุฉินารายณ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และอำเภอยางตลาด รวม 25 ตำบล 182 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,479 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
7.ร้อยเอ็ด น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโพนทราย และอำเภอจังหาร รวม 6 ตำบล 38 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,369 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
8. ยโสธร น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอค้อวัง อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอเมืองยโสธร และอำเภอมหาชนะชัย รวม 24 ตำบล 141 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 24 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
9.นครราชสีมา น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอสูงเนิน และอำเภอชุมพวง รวม 11 ตำบล 28 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,195 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
10.บุรีรัมย์ น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสตึก อำเภอคูเมือง และอำเภอลำปลายมาศ รวม 19 ตำบล 114 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,415 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
11.สุรินทร์ น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชุมพลบุรี อำเภอท่าตูม และอำเภอรัตนบุรี รวม 20 ตำบล 91 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,246ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
12.ศรีสะเกษ น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอกันทรารมย์ อำเภอราษีไศล อำเภอยางชุมน้อย และอำเภอศิลาลาด รวม 31 ตำบล 238 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,983 ครัวเรือน อพยพประชาชน 917 ครัวเรือน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 35 จุด มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ระดับน้ำลดลง
13.อุบลราชธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ อำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอตาลสุม อำเภอดอนมดแดง อำเภอสำโรง อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอเขื่องใน อำเภอสิรินธร รวม 35 ตำบล 260 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,631 ครัวเรือน อพยพประชาชน 246 ชุมชน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 117 จุด ระดับน้ำทรงตัว
14.หนองบัวลำภู น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโนนสัง และอำเภอศรีบุญเรือง รวม 17 ตำบล 211 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 132 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
15.อุทัยธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุทัยธานี และอำเภอหนองขาหย่าง รวม 13 ตำบล 60 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,195 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
16.ชัยนาท น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชัยนาท อำเภอวัดสิงห์ อำเภอมโนรมย์ อำเภอสรรพยา อำเภอหนองมะโมง อำเภอหันคา อำเภอเนินมะขาม และอำเภอสรรคบุรี รวม 35 ตำบล 224 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,004 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
17. สิงห์บุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภอท่าช้าง อำเภอพรหมบุรี อำเภอบางระจัน และอำเภอค่ายบางระจัน รวม 23 ตำบล 142 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 18,201 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
18.อ่างทอง น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอป่าโมก อำเภอไชโย อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอโพธิ์ทอง และอำเภอแสวงหา รวม 44 ตำบล 234 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,105 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
19.พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมในพื้นที่ 15 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางปะหัน อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง อำเภอมหาราช อำเภออุทัย อำเภอวังน้อย อำเภอภาชี อำเภอบ้านแพรก และอำเภอบางซ้าย รวม 160 ตำบล 1,047 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 78,073 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ระดับน้ำทรงตัว
20.ปทุมธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก รวม 21 ตำบล 62 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,619 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
21.นนทบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากเกร็ด อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางกรวย และอำเภอบางบัวทอง รวม 42 ตำบล 268 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 110,562 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
22. ลพบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองลพบุรี อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอโคกสำโรง รวม 19 ตำบล 82 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,092 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
23.สุพรรณบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง รวม 43 ตำบล 271 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 26,105 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
24.นครปฐม น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครปฐม อำเภอกำแพงแสน อำเภอดอนตูม และอำเภอพุทธมณฑล รวม 7 ตำบล 36 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 323 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
25.นครนายก น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครนายก อำเภอปากพลี อำเภอบ้านนา และอำเภอองครักษ์ รวม 19 ตำบล 143 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,415 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
26.สระบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสระบุรี อำเภอหนองโดน อำเภอบ้านหมอ อำเภอเสาไห้ และอำเภอดอนพุด รวม 30 ตำบล 130 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,567 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
27.ปราจีนบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอประจันตคาม อำเภอศรีมหาโพธิ์ อำเภอบ้านสร้าง และอำเภอศรีมโหสถ รวม 43 ตำบล 279 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,970 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
28.ฉะเชิงเทรา น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพนมสารคาม อำเภอบ้านโพธิ์ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว อำเภอราชสาส์น อำเภอคลองเขื่อน และอำเภอบางคล้า รวม 14 ตำบล 90 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,370ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
สำหรับการให้ความช่วยเหลือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งระบายน้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับ แจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT”