ปภ.ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัยในพื้นที่รวม 31 จังหวัด พร้อมเร่งระบายน้ำ
21 ต.ค. 2565, 14:43
วันที่ 21 ต.ค. 65 เวลา 11.00 น. ปภ.รายงานจากอิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ในช่วงวันที่ 16 – 21 ต.ค. 65 ทำให้ภาคใต้ยังมีน้ำท่วม 3 จังหวัด (ภูเก็ต สตูล กระบี่) รวม 7 อำเภอ 15 ตำบล 73 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,739 ครัวเรือน ขณะที่ผลกระทบจากฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ยังมีสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 28 จังหวัด 139 อำเภอ 841ตำบล 5,741 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 409,248 ครัวเรือน ภาพรวมมีแนวโน้มระดับน้ำลดลง ส่วนภาคกลางบางจังหวัดระดับน้ำทรงตัว ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสานจังหวัดดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยและเร่งระบายน้ำเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ภัย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลของร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักต่อเนื่องและฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยในช่วงวันที่ 16 – 21 ต.ค. 65 ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา สตูล กระบี่ สงขลา และตรัง รวม 21 อำเภอ 63 ตำบล 249 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,953 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัด รวม 7 อำเภอ 15 ตำบล 73 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,739 ครัวเรือน ดังนี้
1. ภูเก็ต มีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอถลาง อำเภอเมืองภูเก็ต และอำเภอกระทู้ รวม 3 ตำบล 3 หมู่บ้าน อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย ระดับน้ำลดลง
2. สตูล มีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอมะนัง อำเภอละงู และอำเภอเมืองสตูล รวม 8 ตำบล 62 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,719 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
3. กระบี่ เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่อำเภอเมืองกระบี่ รวม 4 ตำบล 8 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ขณะที่ผลกระทบจากฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการระบายน้ำจากเขื่อนลงแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขา ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง โดยตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. – 21 ต.ค. 65 เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่รวม 59 จังหวัด 352 อำเภอ 1,838 ตำบล 11,410 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 504,687 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 6 ราย ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่รวม 28 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี หนองบัวลำภู อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม นครนายก สระบุรี ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา รวม 139 อำเภอ 841 ตำบล 5,741 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 409,7248 ครัวเรือน แยกเป็น
1. พิษณุโลก น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางระกำ และอำเภอพรหมพิราม รวม 16 ตำบล 59 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,980 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
2. พิจิตร น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามง่าม อำเภอบึงนาราง อำเภอเมืองพิจิตร อำเภอตะพานหิน อำเภอโพทะเล อำเภอโพธิ์ประทับช้าง และอำเภอบางมูลนาก รวม 21 ตำบล 256 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,017 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
3. นครสวรรค์ น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอท่าตะโก อำเภอเก้าเลี้ยว อำเภอลาดยาว และอำเภอชุมแสง รวม 34 ตำบล 180 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 26,201 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
4. ขอนแก่น น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอชนบท อำเภอน้ำพอง อำเภอโคกโพธิ์ชัย อำเภอบ้านไผ่ และอำเภอแวงใหญ่ รวม 13 ตำบล 48 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 120 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
5. มหาสารคาม น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองมหาสารคาม อำเภอกันทรวิชัย อำเภอโกสุมพิสัย และอำเภอเชียงยืน รวม 46 ตำบล 529 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,201 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
6. กาฬสินธุ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอร่องคำ อำเภอฆ้องชัย อำเภอกมลาไสย อำเภอกุฉินารายณ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และอำเภอยางตลาด รวม 24 ตำบล 181 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,311 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
7. ร้อยเอ็ด น้ำท่วมในพื้นที่ 10 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโพนทราย อำเภอจังหาร อำเภอเชียงขวัญ โพธิ์ชัย อำเภอพนมไพร อำเภอ เสลภูมิ อำเภอธวัชบุรี อำเภอหนองฮี อำเภอทุ่มเขาหลวง และอำเภอสุวรรณภูมิ รวม 31 ตำบล 140 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,844 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
8. ยโสธร น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอค้อวัง อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอเมืองยโสธร และอำเภอมหาชนะชัย รวม 24 ตำบล 141 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 24 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
9.นครราชสีมา น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอพิมาย อำเภอชุมพวง และอำเภอเมืองยาง รวม 18 ตำบล 167 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,433 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
10. บุรีรัมย์ น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสตึก อำเภอคูเมือง และอำเภอลำปลายมาศ รวม 19 ตำบล 114 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,415 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
11. สุรินทร์ น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชุมพลบุรี อำเภอท่าตูม และอำเภอรัตนบุรี รวม 20 ตำบล 91 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,246 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
12. ศรีสะเกษ น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอกันทรารมย์ อำเภอราษีไศล อำเภอยางชุมน้อย และอำเภอศิลาลาด รวม 31 ตำบล 238 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,983 ครัวเรือน อพยพประชาชน 913 ครัวเรือน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 35 จุด มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ระดับน้ำลดลง
13. อุบลราชธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ อำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอตาลสุม อำเภอดอนมดแดง อำเภอสำโรง อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอเขื่องใน อำเภอสิรินธร รวม 35 ตำบล 260 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,569 ครัวเรือน อพยพประชาชน 281 ชุมชน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 107 จุด ระดับน้ำลดลง
14. หนองบัวลำภู น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโนนสัง และอำเภอศรีบุญเรือง รวม 17 ตำบล 211 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 132 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
15. อุทัยธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุทัยธานี และอำเภอหนองขาหย่าง รวม 13 ตำบล 60 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,195 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
16. ชัยนาท น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชัยนาท อำเภอวัดสิงห์ อำเภอมโนรมย์ อำเภอสรรพยา อำเภอหนองมะโมง อำเภอหันคา อำเภอเนินมะขาม และอำเภอสรรคบุรี รวม 40 ตำบล 271 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,933 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
17. สิงห์บุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภอท่าช้าง อำเภอพรหมบุรี อำเภอบางระจัน และอำเภอค่ายบางระจัน รวม 24 ตำบล 145 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 18,575 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
18. อ่างทอง น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอป่าโมก อำเภอไชโย อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอโพธิ์ทอง และอำเภอแสวงหา รวม 47 ตำบล 266 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 17,871 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
19. พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมในพื้นที่ 15 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางปะหัน อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง อำเภอมหาราช อำเภออุทัย อำเภอวังน้อย อำเภอภาชี อำเภอบ้านแพรก และอำเภอบางซ้าย รวม 160 ตำบล 1,035 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 76,495 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ระดับน้ำทรงตัว
20. ปทุมธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก รวม 21 ตำบล 62 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,619 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
21. นนทบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากเกร็ด อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางกรวย และอำเภอบางบัวทอง รวม 42 ตำบล 271 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 110,056 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
22. ลพบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองลพบุรี และอำเภอบ้านหมี่ รวม 14 ตำบล 63 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,848 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
23. สุพรรณบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง รวม 43 ตำบล 271 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 26,105 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
24. นครปฐม น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครปฐม อำเภอกำแพงแสน อำเภอดอนตูม และอำเภอพุทธมณฑล รวม 33 ตำบล 306 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,467 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
25. นครนายก น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอองครักษ์ รวม 110 ตำบล 94 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,572 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
26 .สระบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหนองโดน อำเภอบ้านหมอ และอำเภอดอนพุด รวม 9 ตำบล 59 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,686 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
27. ปราจีนบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอประจันตคาม อำเภอศรีมหาโพธิ์ อำเภอบ้านสร้าง และอำเภอศรีมโหสถ รวม 21 ตำบล 125 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,980 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
28. ฉะเชิงเทรา น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพนมสารคาม อำเภอราชสาส์น อำเภอบางน้ำเปรี้ยว และอำเภอคลองเขื่อน รวม 15 ตำบล 98 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,370 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
สำหรับการให้ความช่วยเหลือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งระบายน้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับ แจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT”