วันที่ 21 ต.ค.65. จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ  ช.ยิ่ง วิศวกรบ้านนอก ได้โพสแชร์รูปภาพ พร้อมระบุข้อความว่า ‘’ เกิดเหตุปล้นร้านค้าที่สามแยกพระบาทน้อย คนร้ายอายุราว 30 กว่าๆ ขับรถกระบะดีแม็คแค๊บตัวเตี้ย ไม่ติดป้ายทะเบียน โดยลักษณะทำท่าทีมาเติมน้ำมัน 

โดยกล้องวงจรปิด จับภาพรถกระบะดีแม็กแคป  สีบรอนด์  ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน ทำท่าทีเข้ามาเติมน้ำมัน  สบโอกาสกระชากกระเป๋าเจ้าของร้าน ขณะเติมน้ำมันอยู่ คนร้ายวิ่งขึ้นรถจะขับหนี  ผู้เสียหายวิ่งตามมาที่รถฝั่งคนขับ เกิดการปล้ำแย่งกระเป๋ากันในรถ จนผู้เสียหายได้กระเป๋าคืนและรีบวิ่งเข้าบ้าน คนร้ายได้ลงจากรถวิ่งตาม ขณะนั้นรถคนร้ายได้ไหล คนร้ายได้วิ่งกลับมาที่รถ และรีบขับหนีออกไปมุ่งหน้าไปทางวัดเขาขุย ที่มีทางแยกหลายทาง ไม่รู้ว่าไปทางไหน  คนร้ายได้เติมน้ำมันใส่รถไปเกือบ 500 บาท  ผู้เสียหายจึงได้รีบร้องตะโกนให้คนช่วย และไปตามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ป้อม ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุ 30 เมตร  ให้มาดูที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งวิทยุให้สกัดจับรถคันดังกล่าว  ดีว่าคนร้ายไม่ได้ทำอะไรผู้เสียหาย  แค่ได้รับบาดเจ็บถลอกที่ข้อศอก ขณะปล้ำสู้กันในรถ ส่วนแม่ผู้เสียหายที่จะวิ่งมาช่วย ได้สะดุดล้ม หัวเข่าแตกทั้ง 2 ข้าง

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังปั๊มน้ำมันนวลจันทร์ เป็นปั๊มเล็กๆ ขายของชำ ในหมู่บ้าน ได้พบกับ นางรัชนีย์ ดาวเรือง อายุ 49 ปี (เจ้าของปั๊ม)  ได้เล่าให้ฟังว่า    มีรถเลี้ยวเข้ามาจอด และเขาเอาแกลอนหิ้วลงมา บอกว่า เติมน้ำมันเบนซินให้ผมหน่อย ใส่แกลอน สัก 30 บาท แต่น้ำมันเครื่องผม มันอยู่ในแกลอนนะ พี่ช่วยล้างแกลอนให้ผมหน่อย  ตนจึงได้บอกว่า 30  ล้างไม่ได้หลอก เขาก็เลยบอกว่า 40 ก็ได้พี่  ลองให้ผมดีๆนะ เดี๋ยวเครื่องผมจะเสีย  ตนก็เขย่าๆล้างให้เขา เขาก็ถามว่า ล้างให้ผมดีหรือยัง  ตนก็บอกว่า ล้างดีแล้ว พร้อมยื่นถังแกลอนให้เขา เพราะเติมน้ำเสร็จแล้ว เขาก็ยื่นตังมาให้ 40 บาท  ตนเห็นว่าเขาไม่ได้จะซื้ออะไร จึงได้เดินเข้าบ้าน เขาก็เดินกลับมา และบอกว่า พี่เติมน้ำมันใส่รถผมสัก 500 สิ  ตนก็เติมให้ พอเติมได้สักพัก เขาก็ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ตนก็มองหน้าเขา ทีนี้เขาพลิกน้ำมันแกลอน และถามตนว่า พี่ๆ แกลอนนี้มันจะระเบิดไหม  ตนจึงตอบไปว่า ไม่ระเบิดหลอก จะระเบิดได้ไง เพราะแดดไม่ร้อน เขาก็พลิกไปมา  ตนก็ได้ก้มดูน้ำมันว่าใกล้เต็มหรือยัง และเอ๊ะใจว่าทำไมมันแปลกๆ เขาก็คว่ำถังแกลอนนอน ตรงก็มองดูว่าทำไมต้องนอนถังแกลอน ทำไมไม่ต้องเหมือนคนอื่น  แป๊ปเดียว เขาก็วิ่งโค้งเข้ามาที่ตัวตน เห็นหนูสะพายกระเป๋าอยู่ เขาก็กระชาก 2-3 ที กระเป๋าก็ขาดเลย  แล้วเขาก็วิ่งไปที่รถปิคอัพด้านคนขับ เขาก็ขึ้นรถ ส่วนตนก็วิ่งตาม และมุดเข้าไปในรถ ค่อมตัวเขาไว้ และเอาแขนดันไว้เพื่อไม่ให้เขาเข้าเกียร์ ส่วนมืออีกข้างตนก็กระชากกระเป๋าแย่งกับเขาอยู่สักพักหนึ่ง จนตนได้กระเป๋าคืนมา ตนจึงรีบวิ่งออกมา แต่คนร้ายก็วิ่งตามมาเอากระเป๋ากลับไปอีก  และเป็นจังหวะที่รถเขาไหล คนร้ายจึงได้วิ่งกลับไปที่รถ และรีบขับรถออกไป คนร้ายมาคนเดียว  และก็ไม่ได้สังเกตมาว่ากี่คน เพราะมุ่งไปที่กระเป๋ากับคอนโซนรถ ว่าเขาจะไปได้ไหม ขณะที่เติมน้ำมัน  ตัวเลขก็ยังเดินอยู่ แต่มันไม่ล้น เพราะตนตั้งตัวตัดไว้ที่ 500 บาท  เขาได้น้ำมันไป 468 บาท ส่วนกระเป๋าเงินคนร้ายไม่ได้ไป เพราะตนแย่งกลับมาได้ ในกระเป๋ามีเงินอยู่ประมาณหมื่นกว่าบาท และโทรศัพท์ 1  เครื่อง ที่ต้องเอาไว้โอนจ่ายค่าน้ำมัน  ตนคิดว่าถ้าไม่ได้กระเป๋าคืนมา จะเอาตังไหนโอนจ่ายค่าน้ำมัน  ตนเองดีใจมากที่ได้คืน  เพราะน้ำมันกำลังจะมาถึง และกำลังออกมาจากคลัง  แต่ถ้าไม่ได้กระเป๋าคืน ก็ไม่มีโทรศัพท์ใช้โอนจ่าย ต้องไปทำเรื่องอาญัติอะไรอีกหลายอย่าง  ต่อไปนี้ต้องระวัง เตรียมพร้อมทุกอย่าง เพราะอยู่มา 40 กว่าปี ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย  ส่วนคนร้ายตนเองคิดว่าไม่น่าจะใช่คนแถวนี้  แต่ก็เคยเห็นผ่านๆตา เขาใช้รถกระบดีแม็กแค๊ป สีบรอนเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน  เพราะตนเองเห็นด้านหลัง ไม่เห็นด้านหน้า  คนร้ายอายุประมาณ 30 ปีกว่าๆ  รูปร่างตัวเล็ก  สูงประมาณ 160 ขึ้นไป  ผิวขาว ตนเองได้รับบาดเจ็บ แขนถลอก ตอนที่ยื้อแย่งกระเป๋ากันในรถ แต่คนร้ายไม่ได้ทำร้ายอะไรตน  คงมุ่งหน้าที่จะเอากระเป๋าอย่างเดียว หรือเปล่าก็ไม่รู้  อยากเตือนภัยประชาชน ให้ระวังคนที่มาในคาบโจร ทำให้เราหลงกล  เพราะตนอยู่มาที่นี่ 40 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เลย  พอตนเผลอก็ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ 

ด้านนางสุนันท์ จันทบูรณ์ อายุ 68 ปี (แม่ของผู้เสียหาย) เล่าว่า ตนเองเห็นคนร้ายวิ่งมากระชากกระเป๋าลูกสาวอยู่ 2-3 ที  ขณะกำลังเติมน้ำมัน  และคนร้ายได้รีบวิ่งขึ้นรถ  ตนจึงได้รีบวิ่งออกมาช่วยลูกสาว แต่เกิดสะดุดล้มหัวเข่าแตกทั้ง 2 ข้าง และมาเก็บหัวจ่ายน้ำมันเข้าที่เดิม  ขณะนั้นน้ำมันยังเดินอยู่  และจากนั้นตนก็วิ่งไล่รถด้วย  แต่วิ่งไม่ทัน สู้ตาย  ตนคิดว่าถ้าคนร้ายเอากระเป๋าเงินไปได้ ลูกสาวก็ไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำมัน  ตนก็เสียใจกับลูก  และช่วยลูกเต็มที่ ตายเป็นตาย