ลุงวัย 63 ร้องโดนสวมสิทธิ์เรื่องแดงบอกมีบำนาญ โล่แจ้งความแต่ไม่มีหน่วยงานใดช่วย
4 พ.ย. 2565, 14:09
ลุงวัย 63 ปี ร้องถูกสวมสิทธิ์เลข 13 หลัก โดยครูโรงเรียนดังในพื้นที่ ทำเสียสิทธิ์สวัสดิการรัฐหลายอย่าง ลูกสาวเดินหน้าแจ้งความพร้อมร้องเรียนหลายหน่วยงานนานกว่า 2 ปีคดีไม่คืบ จนครูคู่กรณีเสียชีวิต เจ้าตัววอนขอหน่วยงานช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิ์ของตนคืน
วันนี้ 04 พ.ย. 2565 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ได้เดินทางลงพื้นที่ บริเวณบ้านเลขที่ 33/22 ในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อพูดคุยกับนายปรีชา มหาวงค์ อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นผู้พิการขาข้างขวาขาด และกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจากพบว่าตนเองถูกสวมสิทธิ์เลขบัตรประชาชน 13 หลัก จากอดีตข้าราชการครูในพื้นที่อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ทำให้ตนเองต้องเสียสิทธิ์สวัสดิการของรัฐหลายอย่าง ทั้งสิทธิ์การรักษาพยาบาล เงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุ และโครงการสวัสดิการของรัฐต่างๆ อีกหลายรายการ นายปรีชากล่าวว่า ตนเองมาทราบว่าถูกสวมสิทธิ์เลขบัตรประชาชน 13 หลัก เมื่อตอนที่จะไปทำบัตรผู้สูงอายุ ที่เทศบาลตำบลไทรโยค เมื่อช่วงปี 2562
โดยเจ้าหน้าที่ที่รับทำบัตรบอกว่าตนเองไม่สามารถทำบัตรขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ เพราะตนเป็นข้าราชการครูมีเงินสวัสดิการบำเหน็จบำนาญอยู่แล้ว ซึ่งตนก็ได้โต้แย้งไปว่าตนเองไม่ได้รับราชการและไม่เคยเป็นข้าราชการครูมาก่อน แต่เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าจากการตรวจสอบเลขบัตรประชาชน 13 หลัก พบว่าข้อมูลระบุชัดเจนว่าตนรับราชการเป็นครูอยู่ในพื้นที่อำเภอไทรโยค ด้วยชื่อนามสกุลและเลขบัตรประชาชน 13 หลักอันเดียวกัน จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ตนต้องเสียสิทธิ์ไม่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และยังถูกเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ทางเทศบาลจ่ายมาให้ก่อนหน้านี้จำนวน 4 เดือนกลับคืนไปทั้งหมด อีกทั้งทำให้ตนยังไม่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์สวัสดิการด้านต่างๆของรัฐบาลได้อีกเลย ทำให้ตนเองต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากขาดเงินสวัสดิการที่จะได้รับจากภาครัฐหลายอย่าง ตนจึงอยากขอให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาช่วยตรวจสอบและดำเนินการคืนสิทธิ์ให้กับตนเองด้วย
ขณะที่ นางสาวรุ่งฤดี มหาวงค์ อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของนายปรีชา ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า หลังทราบว่าพ่อของตนถูกสวมสิทธิ์เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ตนเองก็ได้เดินเรื่องเข้าไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรไทรโยค ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมปี 2563 ทำให้มีการตรวจสอบและพบว่า ผู้ที่สวมสิทธิ์เลขบัตรประชาชน 13 หลักของพ่อตน เป็นข้าราชการครูอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอไทรโยค โดยใช้ชื่อปรีชา มหาวงค์ เหมือนกัน และมีเลขบัตรประชาชน 13 หลักเลขเดียวกันทั้งหมด ตนจึงได้เดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดรวมถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ครูคนดังกล่าวรับราชการอยู่ ซึ่งก็ได้คำตอบว่าทางหน่วยงานจะเร่งทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ แต่จนถึงบัดนี้เวลาผ่านล่วงเลยมานานกว่า 2 ปี กลับไม่มีความคืบหน้าในการตรวจสอบใดๆ แถมครูคนที่สวมสิทธิ์เลขบัตรประชาชน 13 หลักของพ่อตนก็เสียชีวิตไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน ทำให้ตอนนี้พ่อของตนยังคงไม่ได้รับสิทธิ์สวัสดิการใดๆ กลับคืนมาเลย และต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก โดยไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
นางสาวรุ่งฤดี ยังได้กล่าวอีกว่า จากการที่ตนเองพยายามออกตรวจสอบหาข้อมูล พบข้อพิรุธหลายอย่าง ของข้าราชการครูคนที่สวมสิทธิ์เลขบัตรประชาชนของพ่อตน โดยพบว่าครูคนดังกล่าว มีเลข 13 หลัก 2 ชุด โดยในบัตรข้าราชการครูที่ระบุชื่อปรีชา มหาวงค์นั้น เป็นเลขประจำตัว 13 หลักชุดเดียวกับของพ่อตน แต่ในบัตรประจำตัวประชาชนของครูคนดังกล่าว กลับเป็นอีกชื่อหนึ่ง และเลข 13 หลักก็ยังเป็นอีกชุดหนึ่งด้วย ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า ที่ออกมาเรียกร้องขอความช่วยเหลือในครั้งนี้ไม่ได้ต้องการจะเรียกร้องอะไร เพียงแค่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเข้ามาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและคืนสิทธิ์ให้กับพ่อของตนได้รับสวัสดิการของรัฐตามที่ควรจะได้รับมานานตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพียงเท่านั้น