เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"ดาบตำรวจหญิง" โชว์ใบหย่าและทะเบียนสมรส โต้ข่าวถูกพันตำรวจโทกล่าวหาว่ามีชู้ เผยหย่าขาดจากกันตั้งแต่ปี 61


11 พ.ย. 2565, 08:26



"ดาบตำรวจหญิง" โชว์ใบหย่าและทะเบียนสมรส โต้ข่าวถูกพันตำรวจโทกล่าวหาว่ามีชู้ เผยหย่าขาดจากกันตั้งแต่ปี 61




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีข่าวว่า พันตำรวจโทเอส  ตำรวจสถานีตำรวจแห่งหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ ได้เผย แพร่คลิปภาพขณะที่บุกเข้าไปในบ้านพักข้าราชการตำรวจของสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และได้พบว่าดาบตำรวจหญิง ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของตนอยู่กับตำรวจยศสิบตำรวจเอก ซึ่งมีบ้านพักอยู่ใกล้กัน โดยพบว่า ดาบตำรวจซึ่งเป็นอดีตภรรยาของตนเอง อยู่ภายในห้องพักกับชายหนุ่มที่เป็นตำรวจทำงานด้วยกัน ขณะเดียวกันได้มีพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจที่เกิดเหตุได้เข้ามาดูแลความเรียบร้อย เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้นมาและได้มีปากเสียงกัน เนื่องจากพันตำรวจโทถือว่าตนเองมียศสูงกว่าร้อยตำรวจเอก แต่ว่าเพื่อนที่มาด้วยกันกับพันตำรวจโทเอส  ได้ดึงตัวพันตำรวจโทเอสออกไปจากที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะเกิดความรุนแรงขึ้น และมีการเผยแพร่คลิปภาพทางสื่อโซเชี่ยลและทางสื่อมวลชน ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างกว้างขวาง

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่งของจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของพันตำรวจโทเอส  พบว่า มีเจ้าหน้าที่ ตร.จับกลุ่มคุยกันเกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้น  เมื่อสอบถามถึง พันตำรวจโทเอส เพื่อจะขอสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ ตร.แจ้งว่า ให้ไปที่งานสืบสวน ซึ่งอยู่ที่ด้านข้างสถานีตำรวจ  เมื่อผู้สื่อข่าวไปที่ห้องงานสืบสวน ปรากฏว่า ห้องสืบสวนปิดล็อคกุญแจไว้   จึงโทรไปที่หมายเลขโทรศัพท์ของพันตำรวจโทเอส ปรากฏว่า เป็นสัญญาณฝากข้อความตลอดไม่สามารถติดต่อได้  ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจที่เกิดเหตุตามคลิป ได้พบกับ ร้อยตำรวจเอกสิทธิชัย  พรหมทา พนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นตำรวจที่เข้าระงับเหตุและถูกพันตำรวจโทเอส  ห้ามไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวบอกว่าตนเองเป็นพันตำรวจโท ยศสูงกว่าร้อยตำรวจเอก 

ร้อยตำรวจเอกสิทธิชัย  พรหมทา พนักงานสอบสวน  เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขณะเกิดเหตุ ตนกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ได้ยินเสียงดังมากจากบริเวณบ้านพักข้าราชการตำรวจ จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายเข้ามาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พบชายฉกรรจ์ประมาณ 3 คนอยู่ที่บริเวณบ้านพักของสิบตำรวจเอกคิง โดยชายคนหนึ่งกำลังส่งเสียงดังมากบอกว่า ตนเองมาตามหาเมีย โดยอ้างว่า พบเมียตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องนอนของสิบตำรวจเอกคิง ตนเห็นว่า อาจจะมีการใช้กำลังความรุนแรง จึงบอกให้ชายคนดังกล่าวใจเย็นๆ แต่ชายคนดังกล่าวบอกว่า เป็นพันตำรวจโท ตนเป็นร้อยตำรวจเอกอย่าเข้ามายุ่ง ตนจึงบอกว่า ตนเป็นพนักงานสอบสวน ต้องเข้ามาดูแลความเรียบร้อย โดยมีเพื่อนของชายฉกรรจ์ที่กำลังอาละวาดถ่ายคลิปวีดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่  จากนั้น เพื่อนของชายฉกรรจ์ที่กำลังอาละวาดได้นำตัวของชายที่อ้างว่ามาตามหาเมียออกไปจากที่เกิดเหตุ  ตนมาทราบภายหลังว่า ชายฉกรรจ์ที่มาอาละวาดชื่อ พันตำรวจโทเอส

ต่อมา ดาบตำรวจหญิงจอย (นามสมมติ) และสิบตำรวจเอกคิง (นามสมมุติ) ตามที่เป็นข่าวกำลังนำเอกสารหลักฐานประกอบด้วยหลักฐานใบสำคัญการหย่า หลักฐานทะเบียนสมรส หลักฐานการโอนเงินและหลักฐานการซื้อขายที่ดินมารายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ พันตำรวจโทยุทธศาสตร์ ลือขจร หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรที่เกิดเหตุได้รับทราบ ทั้งนี้เพื่อเป็นการยืนยันว่าทั้ง 2 คนไม่ได้เป็นชู้กันตามที่พันตำรวจโทเอส กล่าวหาแต่อย่างใด ซึ่งพันตำรวจโทยุทธศาสตร์ได้ตรวจสอบดูเอกสารหลักฐานต่างๆอย่างละเอียดพบว่า ดาบตำรวจหญิงจอยได้จดทะเบียนหย่าขาดกับ พันตำรวจโทเอส ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2561 ที่สำนักทะเบียนอำเภอซับใหญ่ จังหวัดชัยภูมิ โดยมีการบันทึกหลังการหย่าไว้อย่างละเอียดโดยระบุว่ามีการแบ่งทรัพย์สินต่างๆเรียบร้อยแล้ว ส่วนบุตรให้อยู่ในความดูแลของดาบตำรวจหญิงจอย



ดาบตำรวจหญิงจอย กล่าวว่า ตนได้หย่าขาดกับพันตำรวจโทเอส มาตั้งแต่ปี 2561 จากนั้น ตนก็ได้ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สถานีตำรวจแห่งนี้  และพักอยู่ที่บ้านพักตำรวจที่เกิดเหตุมาโดยตลอด ซึ่งพันตำรวจโทเอสได้ขาดการติดต่อกับตนมานานแล้วและไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันอีกเลย ซึ่งต่อมาตนได้มาคบหากับ สิบตำรวจเอกคิง ซึ่งเป็นตำรวจรุ่นน้องและมีบ้านพักอยู่ใกล้กัน และได้ตกลงที่จะคบหากันเป็นแฟนเนื่องจากตนต้องการสร้างครอบครัวใหม่และได้ไปจดทะเบียนสมรสกับแฟนใหม่เรียบร้อยแล้ว  ต่อมาปรากฏว่า พันตำรวจโทเอส ได้บุกเข้ามาอาละวาดที่บ้านพักตำรวจซึ่งตนพักอยู่กับแฟนใหม่พร้อมทั้งได้ถ่ายคลิปเอาไปเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลหาว่าตนมีชู้ทั้งที่ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากว่าตนกับพันตำรวจโทเอสได้หย่าขาดจากกันแล้ว  และมีการแบ่งทรัพย์สินกันเรียบร้อยแล้ว โดยตนเป็นคนดูแลบุตร การที่มากล่าวหาว่าตนมีชู้นั้นเป็นคำพูดที่รุนแรงเกินไป เนื่องจากว่าเมื่อหย่าขาดจากกันตามกฎหมายแล้ว ตนก็ย่อมที่จะดำเนินชีวิตของตนเองตามที่ตนต้องการได้ ซึ่งตนต้องการสร้างครอบครัวใหม่ให้เป็นหลักฐานมั่นคง เนื่องจากว่า พันตำรวจโทเอสเที่ยวตะลอน ไปกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาแถมยังมีการโพสต์ภาพที่กำลังยุ่งอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ด้วย  ซึ่งเป็นการสร้างความเจ็บช้ำใจให้กับตนเป็นอย่างมาก ดังนั้น การที่ตนตัดสินใจมีครอบครัวใหม่แล้วมากล่าวหาว่าตนมีชู้นั้น มันไม่เป็นธรรมสำหรับตน ผู้ชายมีผู้หญิงหลายคนได้ไม่เป็นไรแต่พอตนต้องการสร้างชีวิตใหม่กับผู้ชายที่ตนรักและเข้าใจตน พร้อมที่จะดูแลตนไม่ได้ทิ้งขว้างตนไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้  ตนกลับมาถูกกล่าวหาว่ามีชู้  ตนจึงขอความเป็นธรรมจากทุกคนที่ทราบข่าวนี้ด้วยว่า หัวอกลูกผู้หญิงที่ถูกสามีทิ้งจนหย่าร้าง และ ได้สร้างครอบครัวใหม่จนจดทะเบียนสมรสด้วยกันแบบนี้ถูกตราหน้าว่ามีชู้หรือไม่ ตนอยากฝากถึงพันตำรวจโทเอสว่า ขอให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับตนอย่ามายุ่งเกี่ยววุ่นวายกันอีกต่อไป ต่างคนต่างอยู่เหมือนที่ผ่านมา ตนไม่อยากมีเรื่องมีความอะไรทั้งสิ้น แต่ทุกวันนี้พันตำรวจโทเอสได้นำเอาเรื่องของตนไปโพสต์ ในสื่อโซเชี่ยลทำให้ตนและสามีใหม่ได้รับความเสียหายมาก เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเป็นอย่างมากซึ่งสามีใหม่ของตนได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับพันตำรวจโทเอสตามกฏหมายต่อไปแล้ว

สิบตำรวจเอกคิง สามีใหม่ของ ดาบตำรวจหญิงจอย  กล่าวว่า ตนมีบ้านพักอยู่ใกล้กันกับดาบตำรวจหญิงจอยและพบว่าดาบตำรวจหญิงจอยพักอยู่ที่บ้านพักตามลำพังมานานแล้ว ตนจึงได้คบหาดูใจกัน เนื่องจากเห็นว่าดาบตำรวจหญิงจอยเป็นคนดี มีความขยันขันแข็งในการทำงาน ตนจึงเกิดความรักและความสงสาร จึงได้ตกลงเป็นแฟนกัน ซึ่งดาบตำรวจหญิงจอยได้แจ้งให้ตนทราบว่าได้หย่าร้างกับสามีเก่ามาตั้งแต่ปี 61 แล้ว ส่วนตนก็เคยคบหากับผู้หญิงคนอื่นมาแล้ว แต่ว่าได้เลิกรากันไป และได้ตัดสินใจที่จะสร้างครอบครัวใหม่กับดาบตำรวจหญิงจอย ซึ่งการที่พันตำรวจโทเอสได้บุกเข้ามาที่บ้านพักของตน สร้างความวุ่นวายขึ้นมานั้น ตนได้ร้องเรียนเรื่องที่เกิดขึ้นไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นแล้ว ตนขอยืนยันว่าตนรักดาบตำรวจจอยอย่างแท้จริง จึงขอฝากถึงพันตำรวจโทเอสว่า ไม่ควรที่จะมายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของตนอีกต่อไปและไม่ควรที่จะนำเอาเรื่องราวของตนกับภรรยาไปโพสต์ในสื่อโซเชี่ยลทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ซึ่งตนได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายกับพันตำรวจโทเอสต่อไป

ทางด้าน พันตำรวจโทยุทธศาสตร์  ลือขจร  หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรที่เกิดเหตุ กล่าวว่า เรื่องนี้  ตนได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ พล.ต.ต.ลาภ  ศรีสำอางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับทราบด้วยวาจาแล้ว และได้สั่งการให้  ดาบตำรวจหญิงจอย และสิบตำรวจเอกคิง รายงานข้อเท็จจริงพร้อมพยานหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ให้ตนทราบ เพื่อจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นได้รับทราบ เพื่อโปรดพิจารณาต่อไป  ตนมีบ้านพักอยู่ติดกับสถานที่เกิดเหตุ ตนไม่พบว่า พันตำรวจโทเอส มาที่บ้านพักของดาบตำรวจหญิงจอยมานานแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นพบว่า ดาบตำรวจหญิงจอยได้หย่าขาดจากพันตำรวจโทเอส ตั้งแต่ปี 61  และได้มีการจดทะเบียนสมรสกับสิบตำรวจเอกคิง แล้ว


 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.