วันนี้ ( 7 ธ.ค.65 ) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ครั้งที่ 17 ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยแสดงความยินดีกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ และรัฐบาลสิงคโปร์ที่ประสบความสำเร็จในการจัดการประชุม พร้อมเห็นด้วยกับแนวคิดที่กล่าวถึงความยุติธรรมทางสังคมเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการพื้นฟู โดยมีคนเป็นศูนย์กลาง โดยใช้การเจรจาทางสังคมที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งได้หยิบยกตัวอย่างการดำเนินการที่ดีในประเทศไทย เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 และช่วยเหลือธุรกิจ รวมถึงแรงงานในการฟื้นฟูจากสถานการณ์โควิด–19 อาทิ การจัดมหกรรมจ้างงาน Job Expo ที่สามารถสร้างงานกว่า 2.6 ล้านคน โครงการ Co - Payment ซึ่งประสบความสำเร็จในการส่งเสริมการจ้างงานเยาวชน การรับมือกับคลัสเตอร์การติดเชื้อของแรงงาน โดยสามารถกระจายวัคซีนได้รวดเร็ว เข้าถึงแรงงานทุกสัญชาติ โครงการ Factory Sand Box ตรวจคัดกรอง ฉีดวัคซีนและการแยกกักตัว สร้างมูลค่าในการส่งออกสูงสุดในรอบ 30 ปี ซึ่งสถิติดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูในเกือบทุกภาคส่วน รวมทั้งภาคการผลิตฟื้นตัวและภาคการท่องเที่ยว โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ประกาศว่าประเทศไทยมีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในโลก โดยมีอัตราการว่างงานในช่วงพีคของโควิด-19 เพียงร้อยละ 1.5 และฟื้นตัวมาอยู่ที่ร้อยละ 1.0 ในปีนี้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังกล่าวบนเวทีการประชุมที่สิงคโปร์ว่า ไทยยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อทำให้เกิดการฟื้นฟูที่มีคนเป็นศูนย์กลาง อย่างครอบคลุม ยั่งยืนและยืดหยุ่น โดยกฎหมายใหม่สำหรับแรงงานนอกระบบและนวัตกรรมใหม่ด้านสถาบันแรงงาน จะสร้างโอกาส สร้างความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่แรงงานทุกคน ซึ่งขอให้ทาง ILO ช่วยให้การสนับสนุนผ่านแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทยฉบับใหม่ พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการร่วมมือกับ ILO และประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อมุ่งไปสู่การฟื้นฟูหลังโควิด–19 โดยคาดหวังที่จะสร้างอนาคตที่มีการจ้างงานอย่างมีผลิตภาพ และงานที่มีคุณค่า โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง

สำหรับการประชุมภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ครั้งที่ 17 เป็นหนึ่งในสี่กรอบของการประชุมระดับภูมิภาคขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ได้แก่ เอเชียและแปซิฟิก อเมริกา แอฟริกา และยุโรป ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยหมุนเวียนแต่ละภูมิภาคตามลำดับ เพื่อเป็นเวทีการปรึกษาหารือและการนำเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของผู้แทนสามฝ่ายจากประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกและรัฐภูมิภาคอ่าวอาหรับ จำนวน 47 ประเทศ