ไทย-ญี่ปุ่น กระชับความร่วมมือคมนาคม "อนุทิน" นำคณะเยี่ยมชมโครงการอุเมคิต-รถไฟชินคันเซ็น
9 ธ.ค. 2565, 15:15
วันนี้ ( 9 ธ.ค.65 ) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม ไปเยี่ยมชมโครงการ Umekita(อุเมคิตะ) ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาเมืองโดยมีโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะเป็นจุดเชื่อมโยง ทั้งรถไฟความเร็วสูง พื้นที่อาคารสำนักงาน แหล่งนวัตกรรม พื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่สีเขียว สิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจเอกชนกับหน่วยงานบริหารระดับจังหวัดและเทศบาลของนครโอซากา และองค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองญี่ปุ่น (Urban Renaissance Agency: UR)
พร้อมกันนี้ นายอนุทิน และคณะยังได้รับฟังการบรรยายแนวทางการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟความเร็วสูงจากผู้บริหารของบริษัท รถไฟญี่ปุ่นตะวันตก (JR West) หนึ่งในบริษัทผู้บริหารรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาเชิงที่ในโครงการโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะในประเทศไทย
นายอนุทิน กล่าวว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงที่ดีมากประเทศหนึ่งของโลก และเป็นประเทศแรกของโลกที่มีการเดินรถไฟความเร็วสูง หรือ ชินคันเซ็น (Shinkansen) มาตั้งแต่ปี1964 หรือ พ.ศ.2507 โดยชินคันเซ็นสายแรกคือ Tokaido Shinkansen Line เชื่อมระหว่างกรุงโตเกียวกับนครโอซากา และปัจจุบันญี่ปุ่นมีรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งด้วยความเร็วระหว่าง 240-320 กิโลเมตร/ชั่วโมง จำนวน 7 เส้นทางบน 4 เกาะสำคัญของญี่ปุ่น คือ ฮอกไกโด ฮอนชู ชิโกกุ และคิวชู ระยะทางรวม 2,765 กิโลเมตร
“ญี่ปุ่นมีโครงการพัฒนาหลายแห่งที่มีชินคันเซ็นเป็นโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยง รวมถึงโครงการ Umekita ที่นครโอซากา รวมถึงการพัฒนาและบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งภายในและโดยรอบสถานีขนส่งมวลชนด้วย การที่ผมและคณะได้มีโอกาสเยี่ยมชมพื้นที่ต่างๆ ในครั้งนี้ ทำให้ได้เห็นถึงแนวคิดเชิงธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ควบคู่กับโครงข่ายระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่หน่วยงานของไทยสามารถนำไปศึกษาและถอดบทเรียนเพื่อการพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลอยู่ระหว่างการผลักดันหลายโครงการได้อย่างเป็นระบบ” นายอนุทิน กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การเยี่ยมชมโครงการพัฒนาสำคัญในญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะครั้งนี้ได้รับการอำนวยความสะดวกโดยรัฐบาลญี่ปุ่น ในโอกาสที่คณะของกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางเยือนเพื่อหารือทวิภาคีกับหน่วยงานด้านคมนาคมและการลงทุนของญี่ปุ่น อาทิ กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยว (MLIT) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) องค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองญี่ปุ่น (UR) ระหว่างวันที่ 7-10 ธ.ค. 65 ซึ่งเป็นโอกาสที่หน่วยงานของทั้ง 2 ประเทศได้กระชับความร่วมมือผ่านความตกลงต่างๆ เพื่อการพัฒนาโครงการด้านระบบขนส่งในประเทศไทย
ทั้งนี้ การถอดบทเรียนจากโครงการสำคัญและความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันโครงการตามแผนงานของกระทรวงคมนาคม โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ในรูปแบบการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ที่ได้มีการตั้งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เพื่อบริหารพื้นที่และสินทรัพย์ของ รฟท.
รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่กระทรวงคมนาคมมีแนวทางการพัฒนาในรูปแบบ TOD เช่น การพัฒนาศูนย์กลางทางการแพทย์ใกล้กับโรงพยาบาลศิริราช บริเวณสถานีธนบุรี พื้นที่รวม 21 ไร่ การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์โครงการ RCA บริเวณถนนเพรชบุรีตัดใหม่ และการพัฒนาพื้นที่บริเวณสถานีแม่น้ำ ซึ่งเป็นจุดแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพมหานคร พื้นที่รวม 270 ไร่ เป็นต้น