ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส มีระดับน้ำยังคงเข้าท่วมในพื้นที่ราบลุ่มอย่างต่อเนื่อง โดยใน 13 อำเภอของจังหวัดนราธิวาสทั้งนี้ นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้สั่งการด่วนไปยังฝ่ายปกครองและส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย วาตภัย เป็นการเร่งด่วน และรายงานเป็นระยะ และได้ลงคำสั่ง จังหวัดนราธิวาสประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินอุทกภัย 13 อำเภอของจังหวัดนราธิวาส มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 13 อำเภอ 70 ตำบล 454 หมู่บ้าน 2 เทศบาล 22 ชุมชน ผู้ได้รับผลกระทบ 29,113 ครัวเรือน 119,638 คน มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 2 ราย ประกอบด้วย อ.สุคิริน มีพื้นที่ประสบภัย 4 ตำบล 42 หมู่บ้าน 830 ครัวเรือน 2,010 คน, อ.ศรีสาคร 6 ตำบล 35 หมู่บ้าน 1,135 ครัวเรือน 4,540 คน, อ.รือเสาะ 9 ตำบล 67 หมู่บ้าน 1,791 ครัวเรือน 6,598 คน, อ.ระแงะ 7 ตำบล 37 หมู่บ้าน 3,291 ครัวเรือน 16,420 คน, อ.จะแนะ 4 ตำบล 32 หมู่บ้าน 4,149 ครัวเรือน 19,699 คน อ.เมือง 5 ตำบล 23 หมู่บ้าน 828 ครัวเรือน 3,312 คน, อ.เจาะไอร้อง 3 ตำบล 33 หมู่บ้าน 1,165 ครัวเรือน 3,741 คน, อ.สุไหงปาดี 5 ตำบล 48 หมู่บ้าน 6,198 ครัวเรือน 23,296 คน, อ.บาเจาะ 6 ตำบล 29 หมู่บ้าน 330 ครัวเรือน 998 คน, อ.ยี่งอ 6 ตำบล 40 หมู่บ้าน 4,084 ครัวเรือน 16,336 คน, อ.แว้ง 6 ตำบล 43 หมู่บ้าน 3,235 ครัวเรือน 13,538 คน, อ.สุไหงโก-ลก 2 ตำบล 14 ชุมชน 1,435 ครัวเรือน 6,397 คน และ อ.ตากใบ 7 ตำบล 15 หมู่บ้าน 642 ครัวเรือน 2,753 คน ซึ่งอพยพ 39 ครัวเรือน 120 คน ไปยังมัสยิดคอยรียะห์ ม.3 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ ขณะที่ความเสียหายจากสถานการณ์ครั้งนี้ ได้แก่ 1.สะพาน/คอสะพานขาด 10 สาย 2.บ้านเสียหาย (ทั้งหลัง) 1 หลัง โรงเรียนได้รับผลกระทบ 57 แห่ง

 

 

ส่วนสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำสายหลัก ลุ่มน้ำสายบุรี ที่จุดวัดน้ำท่าเรือ ระดับสูงกว่าตลิ่ง 0.86 ม. แนวโน้มเพิ่มขึ้น ที่จุดวัดน้ำซากอ ระดับต่ำกว่าตลิ่ง 1.36 ม. แนวโน้มลดลง ลุ่มน้ำบางนรา ที่จุดวัดน้ำตันหยงมัส ระดับสูงกว่าตลิ่ง 1.62 ม. แนวโน้มเพิ่มขึ้น ลุ่มน้ำโก-ลก ที่จุดวัดน้ำสะพานลันตู ระดับต่ำกว่าตลิ่ง 0.37 ม. แนวโน้มเพิ่มขึ้น ที่จุดวัดน้ำบูเก๊ะตาระดับสูงกว่าตลิ่ง 0.53 ม. แนวโน้มเพิ่มขึ้น

สำหรับผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย นราธิวาส น้ำท่วมหนัก เก๋งโดนน้ำซัดรับแจ้งจาก พ.อ.ทวีวัตน์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 45 เมื่อเวลา 15.30 น. ว่าได้ให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานลงพื้นที่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ปกครอง และหน่วยเบาเทาสาธาณภัย เข้าช่วยประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.ระแงะ พื้นที่บ้านบองอ ม.4 ต.บองอ อ.ระแงะ ต่อมาได้รับแจ้งจากประชาชน ว่า มีรถยนต์เก๋งไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ตกข้างทางไหลไปตามกระแสน้ำ แต่เคราะห์ดีที่ พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.ทพ.45 และกำลังพลกองร้อย ทพ.4513 กำลังปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านในการขนย้ายสิ่งของและสัมภาระที่จำเป็นหนีระดับน้ำ รวมทั้งได้ร่วมกับกำลังพลในการตัดต้นไม้ที่กีดขวางทางระบายน้ำ เมื่อทราบข่าว จึงได้สั่งกำลังพลรีบเข้าให้การช่วยเหลือ แต่กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากได้พัดรถยนต์เก๋งที่กำลังลอยไปกับกระแสน้ำ จึงได้สั่งกำลังพลว่ายน้ำไปยังที่รถยนต์เก๋งกำลังลอยอยู่ โดยเห็นคนที่อยู่ในรถยนต์เก๋ง ต่างส่งเสียงดังด้วยความตกใจ พร้อมต้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารสามารถทยอยนำคนที่อยู่ในรถยนต์เก๋งออกมาได้ จำนวน 5 คน โดยแยกเป็นผู้ใหญ่ 3 คน เด็ก 2 คน ซึ่งอยู่ในสภาพหมดสติ 3 คน จึงได้เร่งกำลังพลให้ทำการปั๊มหัวใจผู้ที่หมดสติ ก่อนที่จะใช้รถยนต์หุ้มเกราะขับลุยน้ำนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด คือ โรงพยาบาลจะแนะ เพื่อให้แพทย์ทำการช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน แต่แพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตผู้ที่หมดสติทั้ง 3 คน เอาไว้ได้ ประกอบด้วย 1. นางสีดีบูงอ ลาเตะ 68 ปี 2.นางซารีหม๊ะ อภิรติยากุล 38 ปี 3. ด.ช.อัฟนาน อภิรติยากุล ส่วนผู้รอดชีวิต 2 คน คือ 1. ด.ช.อาลิฟ อภิรติยากุล 14 ปี 2.นายอภิชาต อภิรติยากุล 40 ปี ซึ่งทั้ง 5 คน เป็นพ่อแม่ลูกและยาย ที่กำลังเดินทางเพื่อกลับบ้านพักหลังเสร็จกิจธุระมาพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส