เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ปลัด มท.ย้ำให้ความสำคัญปัญหายาเสพติด เร่ง Re X-Ray ทุกพื้นที่ต่อเนื่อง


22 ธ.ค. 2565, 16:31



ปลัด มท.ย้ำให้ความสำคัญปัญหายาเสพติด เร่ง Re X-Ray ทุกพื้นที่ต่อเนื่อง




เมื่อวันที่ ( 21 ธ.ค.65 ) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า การทำสงครามกับยาเสพติด กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่ Re X-Ray อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันภัยทางสังคมที่อาจเกิดจากยาเสพติดในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ เนื่องจากปัญหายาเสพติดส่งผลกระทบทั้งมิติด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และปัญหาอื่น ๆ ฉะนั้น การบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วนจึงมีความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากประเทศ ซึ่งตลอดช่วงที่ผ่านมาทุกพื้นที่ได้มีการรายงานผลการปฏิบัติทั้งด้าน การป้องกัน ปราบปราม และการบำบัดรักษา จากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ สาธารณสุข ฯลฯ โดยในด้านการบำบัดรักษา เช่น จังหวัดอุทัยธานี อำเภอห้วยคต ได้นำตัวผู้ป่วยยาเสพติดจากชุมชนเป้าหมายเข้าสู่ระบบบำบัด 5 คน จังหวัดแพร่ อำเภอเมืองและอำเภอวังชิ้น ลงพื้นที่ชุมชนและสถานประกอบการสุ่มตรวจปัสสาวะผู้ต้องสงสัย พบสารเสพติดรวม 9 คน และได้นำเข้าสู่ระบบบำบัดต่อไป เป็นต้น

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่จังหวัดสกลนคร นายคณศวร เกษอินทร์ นายอำเภอบ้านม่วง นำกำลังเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง จากกรณีมีกลุ่มบุคคลในพื้นที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งจากการตรวจสอบพบชายวัยรุ่น 5 คน เป็นชาวลาว 1 คน กำลังเสพยาเสพติดและสูบกัญชา เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้นพื้นที่พบยาบ้า 119 เม็ด และจากการสอบสวนทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขบวนการลักลอบขนส่งยาเสพติดจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทยในบริเวณฝั่งลาว ซึ่งอาจเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงได้ตั้งข้อกล่าวหา "ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภทประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต" พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวน และ แจ้งประสานงาน ป.ป.ส. ทำการขยายผลตามกฎหมายต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกภาคส่วน ร่วมด้วยช่วยกันรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อช่วยกันขจัดภัยยาเสพติดให้หมดสิ้นไป โดยขอให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมในการสอดส่องดูแล และการให้ข้อมูลสำคัญกับทางราชการ และเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่มีส่วนสำคัญในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ต่าง ๆ จึงขอยกตัวอย่างผลการดำเนินงานดังนี้

1. จังหวัดชัยภูมิ นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พ.ต.อ.เชษฐา เชยชุ่ม รอง ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ แถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายศาล จ.ภูเขียว เข้าจับกุมนายสมัครชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ชาวกรุงเทพฯ และ น.ส.วริสรา (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นชาวขอนแก่น 2 สามี ภรรยา ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ซึ่งได้หลบหนีการจับกุม พร้อมด้วยของกลาง เป็นยาบ้ารวม 100,418 เม็ด และ เคตามีน จำนวน 2 ถุง รวมน้ำหนักประมาณ 292 กรัม ซึ่งจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

2. จังหวัดมุกดาหาร นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร  พล.ต.ต.ชัชชัย วงค์สุนะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ได้รับรายงานว่าได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวจะมีการขนถ่ายลำเลียงยาเสพติดจึงได้สั่งการเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามและสืบสวน ทั้งการตั้งด่านเส้นทางในพื้นที่  การสะกดรอยซุ่มสังเกตการณ์ตลอดแนวแม่น้ำโขง  กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมมองเห็นรถต้องสงสัยจอดติดไฟแดงที่แยกโพนทราย จึงได้แสดงตัวเพื่อตรวจค้น แต่รถคันดังกล่าวได้ขับหลบหนี  กระทั่งถึงบริเวณสะพานห้วยหวายดิน ต.พังแดง อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร รถของเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้ติดตามจนทัน  ตรวจสอบพบคนขับทราบชื่อนายธนาทรัพย์  หรือแบ็งค์  ส่วนคนโดยสารข้างคนขับทราบชื่อ นายอนุพงษ์ หรือโจ้  ทั้งสองคนรับว่าในแคปหลังคนขับมีกระสอบยาบ้าจำนวน 3 กระสอบ จำนวน 71 ห่อ แบ่งเป็น ห่อละ 3 มัด (6,000 เม็ด) จำนวน 67 ห่อ และห่อละ 2 มัด (4,000 เม็ด) จำนวน 4 ห่อ รวมของกลางยาบ้าทั้งหมด ประมาณ 418,000 เม็ด จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ขยายผลตรวจค้นบ้านของนายธนาทรัพย์ฯ พบอาวุธปืนสั้น ไม่มีทะเบียน จำนวน 1 กระบอก พร้อมแม็กกาชีน ขนาด 9 มม. จำนวน 1 แม็ก เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้อง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

3. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำรวจปราบปรามยาเสพติด เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปส.4 ได้สืบสวนขยายผลแกะรอยนักค้ารายใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ สามารถจับผู้ต้องหา 4 คน คือ 1. นายยามีน อายุ 45 ปี 2. น.ส.รัชนีกร อายุ 26 ปี 3. นายสุเทพ อายุ 33 ปี 4. น.ส.ชัญญานุช อายุ 36 ปี ในพื้นที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด รถยนต์ 2 คัน ซึ่งใช้ซุกซ่อนยาเสพติด และเป็นรถนำทางล่วงหน้า โดยแจ้งข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” และ หน่วยปราบปรามยาเสพติดสุราษฎร์ธานี กก.2 บก.ปส.4 ได้สนธิกำลังฝ่ายปกครอง ทหาร และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 8 ระดมกวาดล้าง ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติด “เครือข่ายเฮโรอีนขนส่งทางพัสดุเอกชน”  ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี จับกุม นายประกายพฤฒิ อายุ 26 ปี พร้อมของกลาง อาวุธปืนลูกซอง จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน ขนาด .22 มม. จำนวน 50 นัด  และจับกุมนายธีรภัทร พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) น้ำหนักรวมถุง 1.42 กรัม จึงนำตัวไปสืบสวนขยายผลและติดตามเครือข่ายที่เหลือต่อไป

4. จังหวัดปราจีนบุรี  พ.ต.อ.ณัฐจักร จันลา ผกก.สภ.กบินทร์บุรี  ได้สั่งการให้งานป้องกันปราบปราม  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.กบินทร์บุรี ออกตรวจบริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี มีรถยนต์กระบะต้องสงสัยพบวัยรุ่นจำนวน 3 คน ท่าทีมีพิรุธ จึงขอตรวจค้นพบยาบ้า 7 ถุง จำนวน 1,403 เม็ด  จึงจับกุมทั้ง 3 ราย ทราบชื่อต่อมาคือนายบูร อายุ 43 ปี (หัวหน้าแก๊ง) นายต้น และ นายโอ๊ก ทั้งหมดเป็นชาวอำเภอประจันตคาม  ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนเพื่อขยายผลต่อไป

5. จังหวัดนครศรีธรรมราช  นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยหน่วยงานความมั่นคง แถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหายาเสพติดคนสำคัญ คือ นายมงคล  หรือ อายุ 40 ปี หรือที่รู้จักในชื่อ “เสี่ยหวี ท่าหลา” ชาวหมู่ 5 ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้การจับกุมคดียาเสพติดในพื้นที่รายหนึ่งก่อนที่จะมีการขยายผลผู้ต้องหาได้ซัดทอดว่า ได้ซื้อยาเสพติดมาจากเสี่ยหวี จึงขอหมายค้นจากศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนที่จะจู่โจมเข้าทำการตรวจค้นสามารถจับกุมนายมงคล ไว้ได้และเมื่อตรวจค้นในบ้านพบว่ามีการซุกซ่อนยาเสพติดเป็นยาบ้า 129 เม็ด ไอซ์ 7 ถุง รวม 24.4 กรัม และยังซุกซ่อนเงินสดไว้ในล้อรถมากกว่า 1.3 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดและนำมาขยายผล โดยได้นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป 

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการปราบปรามจับกุมแล้ว การให้โอกาสผู้ป่วยยาเสพติดที่กลับตัวกลับใจนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง การให้บุคคลเหล่านี้กลับมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับชุมชน และเป็นตัวอย่างที่ดีให้สังคม เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการเสริมสร้างรากฐานที่มั่นคงเเข็งแรง นำไปสู่สังคมไทยที่มีความมั่นคงเเละยั่งยืนในทุกมิติ ตามหลัก Change for Good ของกระทรวงมหาดไทย จึงขอให้ทุกคนช่วยเป็นแรงใจ ให้กำลังใจแก่ผู้หลงผิดที่กลับตัวมาเป็นคนดีของสังคมด้วย และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำความความผิด หรือบุคคลที่มีพฤติกรรมอาจก่อให้เกิดภัยแก่สังคมให้รีบเเจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือเจ้าหน้าที่ใกล้บ้าน ตามช่องทางการเเจ้งเบาะเเส หรือการร้องเรียนที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 โทรฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง









Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.