ระทึก ! "เสี่ยไร่อ้อย" ขับกระบะตามหาคนรักเก่า ในเข้าบ้านนายกเทศบาลฯ นั่งเสพยาในรถสบายใจ สุดท้ายโดนจับ
29 ธ.ค. 2565, 12:58
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากนายปราโมทย์ อุ่นจิตสกุล นายกเทศบาลเมืองปากแพรก ว่ามีชายวัยกลางคนขับรถยนต์กระบะเข้ามาจอดภายในบริเวณหน้าบ้าน ขอให้เจ้าหน้าที่เร่งนำกำลังมาตรวจสอบโดยด่วน
ดังนั้น พลตำรวจตรี ไพโรจน์ คุ้มภัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พันตำรวจเอกสมเกียรติ โฉมฉาย ผู้กำกับ สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมกำลังจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการณ์สืบสวน ปจร.สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการณ์สายตรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวน( กก.สส.ภ.จว.)กาญจนบุรี ร่วมกว่า 30 นาย เนื่องจากเจ้าหน้าที่เกรงว่าชายที่กำลังคุ้มคลั่งอาจมีอาวุธปืน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นเจ้าหน้าที่จึงสวมเสื้อเกาะพร้อมนำโล่กันกระสุนและนำอาวุธปืนไปครบมือ
ไปถึงในบ้านหลังดังกล่าวพบรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า 4 ประตู ติดฟิล์มสีดำทึบ จอดติดหัวบันใดบ้าน ภายในรถมีชายวัยกลางคนนั่งอยู่ที่เบาะด้านคนขับ โดยชายคนดังกล่าวมีพฤติกรรมคล้ายคนคุ้มคลั่ง ได้เร่งเครื่องยนต์ส่งเสียงดังเป็นระยะๆ แล้วดับเครื่องยานต์ เป็นช่วงๆ เจ้าหน้าที่พยายามตะโกนเรียกผ่านเครื่องขยายเสียง เพื่อเกลี่ยกล่อมชายคนดังกล่าวก็ไม่ยินยอมแต่อย่างไร จากการตรวจสอบทราบชื่อชายคนดังกล่าวคือนายนายถวัลย์ ฉ่ำเกตุ หรือวัลย์ เสี่ยเจ้าของไร่อ้อย อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 8 ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อทราบเจ้าหน้าที่จึงประสานไปหาแม่ ของนายถวัลย์ ให้เดินทางมาเกลี้ยกล่อมลูกชาย โดยแม่ของนายถวัลย์ ได้เดินทางมาพร้อมกับลูกสาว ลูกชาย และน้องชายของนายถวัลย์ ซึ่งแม่ของนายถวัลย์ ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ในเบื้องต้นว่า ลูกชายมีอาวุธปืนอยู่ 3 กระบอก 2 กระบอกตนได้เก็บเอาไว้ที่ตู้เซฟ ส่วนอีก 1 กระบอกเป็นอาวุธปืนลูกซองยาว แต่ไม่ทราบว่าลูกชายนำติดตัวมาด้วยหรือไม่
เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลในเบื้องต้น จึงจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง และตลอดเวลา แม่ รวมทั้งลูกสาวและน้องชาย ได้พยายามพูดจาผ่านเครื่องขยายเสียง กล่อมให้ นายถวิลย์ ให้ออกมาจากรถ แต่นายถวิลย์ ก็ไม่ยินยอมหรือพูดจาตอบโต้ เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงจนกระทั่งตกดึก นายถวิลย์ ได้ดับสลับกับติดเครื่องรถยนต์เป็นช่วงๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นนายถวิลย์ จุดไฟแช็กเพื่อเสพยาบ้าเป็นอยู่เป็นระยะๆ
ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการได้พยายามอดทนรอให้นายถวัลย์ ออกมาจากรถด้วยตนเองแต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งเวลาประมาณ 00.20 น.ของเช้าวันนี้ (29 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจเข้าชาร์จจับกุม โดยการชาร์จจับกุมเป็นไปอย่างระทึก เนื่องจากนายถวิลย์ นั้นขัดขืนอย่างคนบ้าคลั่ง โดยภายในมือได้กำอาวุธมีดเอาไว้ 1 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงได้พยายามกดมือข้างดังกล่าวเอาไว้พร้อมกับพยายามนำเอากุญแจไปล็อกข้อมือ กว่าเจ้าหน้าที่จะคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ต้องใช้เวลานานพอสมควร
และจากการตรวจค้นภายในรถยนต์ พบอาวุธมีดทรงตะขอ จำนวน 2 เล่ม มีดปลอกผลไม้ จำนวน 1 เล่ม ไฟเช็ก 1 อัน กระดาษฟอยด์ สำหรับเสพยาบ้า จำนวน 4 ชิ้น และหลอดดูด ยาบ้า จำนวน 1 อัน เมื่อเคลียร์พื้นที่แล้วเสร็จเจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายถวัลย์ ไปตรวจหาสารเสพติดที่ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ผลออกมาพบสารเสพติดเมทแอมเฟตามีน อยู่ในร่างกาย จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงคุมตัวนายถวัลย์ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายใน 5 ข้อหา
ประกอบด้วย 1.บุกรุกเคหสถานของผู้อื่นโดยมีอาวุธ 2.พาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร 3.ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฏหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่ 4.เป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฏหมาย และ 5.เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า นายถวัลย์ ผู้ต้องหา เป็นเจ้าของไร่อ้อยกว่า 300 ไร่ ทำให้ฐานะทางบ้านค่อนข้างดี แต่นิสัยส่วนตัวเป็นเสพยาเสพติดประเภทยาบ้ามานานหลายปีจนกลายเป็นคนคุ้มคลั่งและป่วยเป็นจิตเวช ที่ผ่านมาทางครอบครัวได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้นำตัวไปบำบัดที่สถานบำบัดผู้ติดยาเสพติดวัดไม้เสียบ จังหวัดนครศรีธรรมราช มาแล้ว 1 ครั้ง และนำไปรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ที่ให้บริการผู้ป่วยจิตเวช มาแล้ว 2 ครั้ง
ก่อนเกิดเหตุนั้นนายถวัลย์ หรือวัลย์ ผู้ต้องหา ได้เสพยาบ้าเข้าไปจำนวนหลายเม็ด จนอาการคุ้มคลั่งกลับมากำเริบ จากนั้นนั้นได้ขับรถยนต์ออกมาจากบ้านเพื่อไปตามหาอดีตภรรยาที่เลิกรากันไปนานกว่า 10 ปีแล้ว โดยล่าสุดมีผู้พบเห็นนายถวัลย์ ขับรถยนต์วนเวียนไปมาที่หน้าบ้านของนายปราโมทย์ อุ่นจิตสกุล นายกเทศบาลเมืองปากแพรกก่อนหน้านี้มาเป็นเวลา 3 วันแล้ว จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นายประโมทย์ฯ กำลังขับรถเข้าบ้านโดยมีภรรยา ใช้รีโมทเพื่อเปิดประตูให้ หลังจากที่นายปราโมทย์ ขับรถไปจอดที่โรงจอดรถ แต่ยังไม่ได้ปิดประตู นายถวัลย์ ผู้ต้องหา จึงขับรถยนต์ติดตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อนายปราโมทย์ และภรรยาเห็นจึงรีบเข้าบ้านแล้วล็อคประตูเอาไว้ จากนั้นจึงรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือดังกล่าว