เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ศาลสั่งจำคุก ! "ลูกสาว" อาม่าฮวย 20 ปีชดใช้เงิน 123 ล้าน คดีปลอมเเปลงเอกสาร-ลักทรัพย์


29 ธ.ค. 2565, 13:52



ศาลสั่งจำคุก ! "ลูกสาว" อาม่าฮวย 20 ปีชดใช้เงิน 123 ล้าน คดีปลอมเเปลงเอกสาร-ลักทรัพย์




เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ที่ศาลอาญาพระโขนง ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดี คดีหมายเลขดำที่ อ.3228/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 3 เเละนางฮวย ศรีวิรัตน์ (โจทก์ร่วม)หรืออาม่าฮวย ยื่นฟ้อง นางมาวดี ศรีวิรัตน์ ลูกสาวอาม่าฮวย กับพวกซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัดรวม 5 คน ในความผิดฐาน ปลอมแปลงเอกสาร ลักทรัพย์ จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาสุขุมวิท 101 และสาขาถนนศรีนครินทร์ กม.9 มูลค่าความเสียหายกว่า 250 ล้านบาท

กรณีที่นางฮวยถูกนางมาวดี ที่เป็นลูกสาวแท้ๆ ร่วมมือกับพนักงานแบงก์อีก 4 คน แอบโอนเงินในบัญชีออกไป ตอนที่อาม่าล้มป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้เงินในบัญชีกว่า 250 ล้าน ถูกโอนออกไปจำนวนหลายร้อยครั้ง จนหมดบัญชี โดยการพิมพ์ลายนิ้วมือจากเดิมที่เป็นลายเซ็นต์จึงเป็นเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเบิกถอนเงินในบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ธนาคารขณะที่นางฮวยนอนป่วยอยู่ โดยคดีมีการฟ้องเมื่อช่วงปี62

วันนี้ จำเลยเดินทางมาศาลพร้อมนายกฤษฎา อินทามระ ทนายความ ส่วนฝ่ายโจทก์ร่วมมีนายจตุพร ชนะสิทธิ์ ทนายความเดินทางมาศาล



โดยทนายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ผมมาในฐานะตัวแทนของ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช คดีนี้เกี่ยวกับพนักงานอัยการ เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ซึ่งมีสถานะเป็นลูก ของนางฮวย ศรีวิรัตน์ และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ที่มีการร่วมกันเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข การเบิกจ่ายเงินของ นางฮวย ก็คือ อยู่ในความผิดฐานลักทรัพย์ กับ ร่วมกันปลอมเอกสาร ประเด็นในเรื่องนี้ก็คือ นางฮวย เป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร ในขณะที่นางฮวย มีสติสัมปชัญญะ เงื่อนไขการเบิกเงินก็คือลงลายมือชื่อธรรมดา พอนางฮวย เจ็บป่วย จำเลย ก็คือลูกสาว กับเจ้าหน้าที่ธนาคาร ได้ร่วมกันเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของการจ่ายเงิน จากเดิม ลงลายมือชื่อ เปลี่ยนเป็น การปั๊มลายนิ้วมือ หลังจากเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเบิกจ่ายเงิน ก็มีการนำเงินของอาม่าฮวยออกจากบัญชีไป ซึ่งในลักษณะนี้เข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร ในวันนี้ ทางสำนักอัยการ รวมถึงทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความนางฮวยซึ่งเป็นโจทก์ร่วมของทางอาม่าฮวย ก็ได้ร่วมต่อสู้คดีมาจนถึงวันนี้ ที่ศาลได้นัดฟังคำพิพากษา นอกจากนี้ คดีนี้ยังพ่วงในส่วนคดีแพ่งด้วย ในส่วนของคดีแพ่ง ได้มีการฟ้องจำเลยในคดีนี้ รวมถึงทางธนาคารซึ่งเป็นต้นสังกัดของบัญชีนางฮวย ที่ได้มีการปล่อยปละให้มีการกระทำในลักษณะดังกล่าว ซึ่งมันอาจจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปว่า ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ตาม ที่ได้รับฝากทรัพย์ของบุคคลเหล่านั้น ควรจะมีความระมัดระวังในขณะที่ตัวบุคคลเจ้าของบัญชี อยู่ในอาการที่ไม่พึงประสงค์ไม่สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆได้ ในส่วนค่าเสียหายของคดีแพ่งนั้นได้เรียกตามในคดีอาญา รวม 200 กว่าล้าน


เมื่อถึงเวลาศาลได้อ่านคำพิพากษา ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิด ฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม และลักทรัพย์ ทั้ง 2 ข้อหารวม 84 กระทงคง จำคุก รวม20 ปี และใช้เงินคืนแก่โจทก์ 123 ล้านบาทจำเลยที่ 4 มีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา จำเลยที่ 2,3,5 ยกฟ้อง

สำหรับคดีเกี่ยวพันกันในส่วนเเพ่ง นางฮวย ยังได้ยื่นฟ้องธนาคารกสิกรไทย จำกัด เจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย อีก 4 คน รวมถึงนางมาวดี ลูกสาวด้วยเรียกเงินคืน จำนวน 350,357,168.92 บาท ที่ศาลแพ่งพระโขนง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ผบ.7421/2562ฯ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พ.ย.65 ที่ผ่านมาศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนจำคุก 12 ปีโดยไม่รอลงอาญา คดี นางมาวดี อายุ 56 ปี ในความผิดฐานละกทรัพย์ กรณีเมื่อปี พ.ศ. 2560 ได้ก่อเหตุทยอยถอนเงินในบัญชีกว่า 24 ล้านบาท






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.