ชาวบ้านแจ้งความ ! "อดีตพระลูกวัด" ย่องเงียบกลางดึก พบของหายอื้อยันประตูห้องในกุฏิ
5 ม.ค. 2566, 10:13
วันที่ 5 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าว ONBnews รายงานว่า ผู้ใหญ่บ้านฉุนจัดนำชาวบ้านเข้าแจ้งความพร้อมร้องสื่อหลังพบอดีตพระลูกวัดสำนักสงฆ์วัดป่าอุดมเจริญธรรม หมู่ 11 ตำบลอ่างทอง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา แอบย่องเงียบกลางดึกขนของออกกุฏิโดยไม่แจ้ง พบของหายอื้อยันประตูห้องในกุฏิ
วันที่ 4 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังสำนักสงฆ์วัดป่าอุดมเจริญธรรม หมู่ที่ 11 ตำบลอ่างทอง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา หลังทราบมาว่านายวิจารณ์ กาติ๊บ ผู้ใหญ่บ้านเนินสายกลาง หมู่ที่ 1 ตำบลอ่างทอง อำเภอเชียงคำได้พาคณะกรรมการวัดและชาวบ้านรวมตัวเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนโดยพบว่านายเฉลิมเกียรติ (ขอสงวนนามสกุล) อดีตพระลูกวัดซึ่งเคยดูแลพระใบฎีกายุทธนา จิตสังวโร หรือครูบาเซน ได้ทำการแอบย่องมาขนของในกุฏิอดีตเจ้าอาวาสออกไปช่วงกลางดึง หลังเสร็จงานประชุมเพลิงอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้ ทั้งนี้มีการขนข้าวของออกไปทั้งกลางวันและกลางคืนโดยดึกสุดคือเวลาประมาณตี 1 กว่า สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมากในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้หลังจากเกิดเรื่องได้มีการพูดคุยเจรจากับนายเฉลิมเกียรติต่อหน้าพนักงานสอบสวน โดยเบื้องต้นยังตกลงกันไม่ได้
นายวิจารณ์ ได้เล่าว่า หลังจากที่ได้มีการประชุมเพลิงครูบาเซนเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 65 ที่ผ่านมา ทางตนและคณะกรรมการวัดได้ประชุมหารือในเรื่องที่นายเฉลิมเกียรติจะมาขนข้าวของออกจากกุฏิภายในวัดแห่งนี้ออกไป ซึ่งตนก็ได้บอกกล่าวกับนายเฉลิมเกียรติว่า อันไหนที่คิดว่าเป็นของตัวเองก็ให้ขนไปได้ แต่อันไหนที่เป็นของวัดแห่งนี้อย่าได้ขนออกไป โดยวันที่เข้ามาขนของช่วงกลางวันนั้นชาวบ้านส่วนหนึ่งก็ได้เข้ามาช่วยขนของ เพราะเจ้าตัวอ้างว่าเป็นของส่วนตัวทั้งหมด แต่ตกดึกกลับพบว่านายเฉลิมเกียรติได้มีการเข้ามาขนของอย่างต่อเนื่องจนรุ่งเช้า ตนและคณะกรรมการวัดเข้าไปดูก็พบว่าภายในกุฏิของครูบาเซนกลับโล่งอย่างผิดหูผิดตา ทั้งประตูบานเลื่อนถูกยกไปทั้งหมดและข้าวของอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้อาคารที่เก็บของก็ถูกงัดแถมยังนำข้าวของออกไปด้วย จึงทำให้พวกตนไม่พอใจจึงได้โทรศัพท์เรียกตัวของนายเฉลิมเกียรติมาพูดคุยแต่ก็ตกลงกันไม่ได้ โดยมีการนัดให้ไปพูดคุยกันที่ สถานีตำรวจภูธรเชียงคำ พวกตนจึงได้พากันไปพูดคุยต่อหน้าพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ตัวของนายเฉลิมเกียรติอ้างว่าข้าวของทุกอย่างรวมทั้งประตูบานเลื่อนที่อยู่ในกุฏิเป็นของส่วนตัวทั้งสิ้น ตนจึงได้บอกกล่าวว่าหากเป็นของตัวเองจริงให้นำหลักฐานมาแสดงต่อหน้าคณะกรรมการวัดและชาวบ้านทุกคน โดยหลังจากนั้นก็ยังได้มีการมาพูดคุยกันภายในวัดอีก 1 รอบแต่ก็ยังตกลงกันไม่ได้และทางนายเฉลิมเกียรติก็ได้พูดขึ้นมาว่าหากข้าวของชิ้นไหนเป็นของวัด ก็ให้นำหลักฐานมาแสดงด้วย ล่าสุดวันนี้พวกตนจึงได้นำหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อมามอบให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อที่จะได้ดำเนินคดีต่อนายเฉลิมเกียรติ ที่เข้ามาขนของในยามวิกาลซึ่งไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ตนเองติดใจเพียงในเรื่องของประตูที่ถูกยกเอาไปจนเกลี้ยงว่าเอาไปได้อย่างไร
ด้าน ร.ต.อ.อาคม แก้วหน่อ พนักงานสอบสวนร้อยเวร สภ.เชียงคำเจ้าของคดีนี้ได้กล่าวว่า ในทางของตำรวจนั้นเบื้องต้นได้มีการลงพื้นทีเพื่อเก็บรายละเอียดทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้จากการสอบสวนเบื้องต้นนั้น ทราบว่าหลังจากพระใบฎีกามรณภาพก็ยังไม่มีการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสไว้ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเสียก่อน อีกทั้งบัญชีทรัพย์สินทุกอย่างของทางวัดนั้น พบว่าตัวของนายเฉลิมเกียรติได้มีการเก็บเอกสารไว้ทั้งหมดโดยไม่มีการมอบให้กับทางคณะกรรมการวัดแม้แต่น้อย ทั้งนี้ตนจะได้ทำการปรึกษาอย่างละเอียดกับทาง ผกก.สภ.เชียงคำและเจ้าคณะอำเภอเชียงคำ ในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้รวมทั้งจะได้ติดต่อนายเฉลิมเกียรติผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำกับทางตำรวจด้วย แต่หากไม่มาหรือติดต่อไม่ได้ก็จะมีการออกหมายเรียกต่อไป ทั้งนี้ยังไม่มีการตั้งข้อหากับผู้ถูกกล่าวหาแต่อย่างใดซึ่งจะต้องสอบสวนอย่างละเอียดกันอีกครั้ง
ล่าสุดทางสื่อได้มีการโทรศัพท์ไปหายังนายเฉลิมเกียรติทั้งหมายเลขเดิมและหมายเลขใหม่เพื่อที่จะมีการสอบถามในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถที่จะติดต่อตัวของนายเฉลิมเกียรติได้ โดยผู้ถูกกล่าวหาได้ปิดช่องทางการติดต่อสื่อสารทั้งหมด ซึ่งทางชาวบ้านเองก็ไม่สามารถที่จะติดต่อได้เช่นกัน