มหาดไทย ผนึกกำลังทุกภาคส่วนเดินหน้าป้องกัน-ปราบปรามยาเสพติดต่อเนื่อง
6 ม.ค. 2566, 14:44
เมื่อวันที่ 5 ม.ค.66 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงกรณีจังหวัดกำแพงเพชรดำเนินยุทธการ “กำแพงเพชรพิทักษ์ถิ่น ระดมกวาดล้างยาเสพติด สู่ชุมชนมั่นคงยั่งยืน” ว่ากรณีดังกล่าวถือเป็นแบบอย่างที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง เนื่องด้วยสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทของจังหวัดกำแพงเพชรในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง เข้มงวด ตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงกระทรวงมหาดไทย ภายหลังจากการที่พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประกาศกำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการแก้ไข ซึ่งตนทราบมาว่าจังหวัดกำแพงเพชรได้มีการเร่งรัดการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้มีความปลอดภัยในการดำรงชีวิต โดยบูรณาการมอบหมายให้ฝ่ายปกครองและตำรวจ ร่วมกันจำแนกกลุ่มเป้าหมายในหมู่บ้าน/ชุมชน หรือการ Re X- ray โดยกำหนดข้อมูลผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการเข้าปฏิบัติการขั้นต่อไป ซึ่งจากการ Re X – ray พบข้อมูลผู้ค้ายาเสพติด จำนวน 259 ราย และผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด จำนวน 1,527 ราย
โดยจังหวัดกำแพงเพชรได้เปิดปฏิบัติการภายใต้ยุทธการดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2565 มีวัตถุประสงค์เพื่อจับกุมผู้มีพฤติกรรมค้ายาเสพติด และหยุดยั้งปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ ด้วยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างฝ่ายปกครอง ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากผลการดำเนินงานในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา คือ ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2565 มีผู้ค้ายาเสพติดเป้าหมายดำเนินการจำนวน 259 ราย สามารถจับกุมได้ จำนวน 134 ราย พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 5,600 เม็ด ไอซ์ 0.40 กรัม ไม่พบพฤติกรรม จำนวน 129 ราย ซึ่งอาจจะยุติพฤติกรรมแล้ว หรือรอสถานการณ์อยู่ ด้านผู้เสพหรือผู้ติดยาเสพติด เป้าหมายดำเนินการ จำนวน 1,527 ราย เข้าดำเนินการตรวจสอบทั้ง 1,527 ราย จับกุมดำเนินคดีแล้ว จำนวน 208 ราย พร้อมนำส่งศูนย์คัดกรองเพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา จำนวน 391 ราย ไม่พบพฤติกรรม จำนวน 928 ราย ทั้งนี้ จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นย่อมชี้ให้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจกันของทุกภาคส่วนในการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง จนกระทั่งยุทธการนี้ปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรมในท้ายที่สุด เพราะปัญหายาเสพติดถือเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไข ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว
สำหรับกรณีปฏิบัติการ “กวาดบ้านตัวเองให้สะอาด” ภายใต้แนวคิดที่ว่าก่อนที่จะดำเนินการเรื่องยาเสพติด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่เกี่ยวข้องกับเสพยาเสพติด ซึ่งในวันนี้มีตัวอย่างผลการปฏิบัติที่น่าสนใจ เช่น จังหวัดชุมพร ภายใต้การอำนวยการของนายนวรัตน์ วงศ์ปิ่นเพ็ชร์ นายอำเภอเมืองชุมพร มอบหมายให้นายทวีป ไทยสวี ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง/เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดให้กับข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างในสังกัด เทศบาลตำบลบางลึก โดยมีบุคลากรเข้าตรวจสารเสพติดทั้งหมด 58 ราย ไม่พบสารเสพติดในปัสสาวะแต่อย่างใด ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว
จากนั้น ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงมิติด้านการจับกุมและปราบปรามผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยเน้นย้ำว่ากระทรวงมหาดไทยยังคงเดินหน้าอย่างมุ่งมั่นในการทำสงครามกับยาเสพติดทุกชนิดด้วยการบูรณาการการทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ป.ป.ส. รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้น ด้วยการใช้ทุกกลไกภาคีเครือข่ายในพื้นที่ และลงพื้นที่ลุยกวาดล้างผู้กระทำความผิดอย่างแข็งขัน จริงจัง และต่อเนื่อง ทั้งผู้ค้ารายใหญ่และผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ของจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีตัวอย่างผลการปฏิบัติที่น่าสนใจ ได้แก่
1. จังหวัดมหาสารคาม ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดมหาสารคาม นำโดย มว.อ. ภรัณยู มายูร ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดมหาสารคาม และสมาชิก อส.บก.อส.จังหวัดมหาสารคาม สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายความมั่นคงอำเภอวาปีปทุม โดยการอำนวยการของนายปรีชาพงษ์ ทองมี นายอำเภอวาปีปทุม ลงพื้นที่ปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดตาม "ยุทธการมหาสารคามเมืองปลอดภัยยาเสพติด” ในเขตพื้นที่บ้านโนน ตำบลขามป้อม จำนวน 4 จุด โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ จำนวน 2 ราย พร้อมของกลางยาบ้า จำนวนรวม 16 เม็ด และอาวุธปืน 1 กระบอก
2. จังหวัดลำปาง พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผบก.ภ.จว.ลำปาง ได้สั่งการให้มีการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ โดย พ.ต.อ.อัครินทร์ กาสา รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง, พ.ต.อ.ปริญญา ชัยเววา ผกก.สส.ภ.จว.ลำปาง, พ.ต.ท.อานุภาพ ชัยศิริ รอง ผกก.สส.ภ.จว.ลำปาง, พ.ต.ท.อรรถพร อ๊อดผูก สว.กก.สส.ภ.จว.ลำปาง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กก.สส.ภ.จว.ลำปาง เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหารายหนึ่ง ซึ่งมีพฤติการณ์จำหน่ายยาบ้าในพื้นที่ ผลการตรวจค้นพบยาบ้า จำนวน 7,100 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดีในข้อหา “จำหน่ายหรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต และจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”
3. จังหวัดมุกดาหาร นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พ.ต.อ.สงกรานต์ สัณหกรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร พ.ต.อ.เกียรติภูมิ สุวรรณตรย์ ผกก.สภ.เมืองมุกดาหาร พ.ต.ท.ฉัตรมงคล บุญกลาง รอง ผกก.สส.ส.ภ.เมืองมุกดาหาร ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สุทธิศักดิ์ สอนสะอาด หน.ชุดปฏิบัติการยาเสพติด สภ.เมืองมุกดาหาร ประสานกำลังหน่วยบูรณาการความมั่นคงในพื้นที่ร่วมกันประชุมวางแผน หลังจากได้รับแจ้งว่าจะมีคนนำยาเสพติดมาซุกซ่อนไว้ที่บริเวณห้องน้ำร้างภายในโรงเรียนบ้านคำเม็ก ต.คำอาฮวน อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบตามสถานที่ดังกล่าวพบยาไอซ์ จำนวน 31 ถุง (31 กิโลกรัม) พร้อมกับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยกล่าวหาว่า "มียาเสพติตให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน อันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป" ทั้งนี้ จะดำเนินการสืบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป
“กระทรวงมหาดไทย เดินหน้าอย่างมุ่งมั่นในการทำสงครามกับยาเสพติดทุกชนิดด้วยการบูรณาการการทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ป.ป.ส. รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้น โดยใช้ทุกกลไกภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ลงพื้นที่ลุยกวาดล้างผู้กระทำความผิดอย่างแข็งขัน พร้อมทั้งนำผู้หลงผิดเข้ารับการบำบัดรักษา เพื่อคืนคนดีให้กับสังคม ให้กับครอบครัว และหมั่นลงพื้นที่ติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ปัญหายาเสพติดเป็นปัจจัยทำลายคนบริสุทธิ์อีก อันจะทำให้ลูกหลานของพวกเราทุกคนอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข พร้อมทั้งได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์หมายเลขติดต่อในการแจ้งเบาะแส โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 และขอเน้นย้ำให้บุคลากรในหน่วยงานและภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย ห้ามยิ่งเกี่ยวกับยาเสพติดในทุกกรณีโดยเด็ดขาด ให้ทุกพื้นที่หมั่นตรวจสอบคนของตัวเองเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของประชาชน ซึ่งหากพบการกระทำผิด จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดโดยไม่ละเว้น" ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวในช่วงท้าย