กองทัพเรือเคลื่อนร่าง "ต้นเรือพลับ" ประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ นายกฯ เป็นประธาน เย็นนี้
14 ม.ค. 2566, 15:00
วันนี้ 14 มกราคม 2566 เวลา 13.30 น. พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมกำลังพลกองทัพเรือ จากหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ได้เดินทางไปร่วมในพิธีเคลื่อนร่างของว่าที่ นาวาตรี พลรัตน์ สิโรดม ต้นเรือเรือหลวงสุโขทัย ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางจาก ฐานทัพเรือกรุงเทพ เขตบางกอกน้อย ไปประกอบพิธีทางศาสนา ณ วัดศรีเอี่ยม เขตบางนา กรุงเทพฯ โดยจัดทหารกองเกียรติยศ ร่วมในพิธีอย่างสมเกียรติ ในขณะที่ พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พร้อมกำลังพลส่วนหนึ่งรอรับขบวนลำเลียงศพ ณ วัดศรีเอี่ยม เขตบางนา ในการนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ศพอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ โดยตั้งบำเพ็ญกุศล ฯ ณ ศาลา 7 วัดศรีเอี่ยม โดยในเวลา 17.30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเดินทางไปเป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ว่าที่ นาวาตรี พลรัตน์ ฯ สำหรับพิธีสวดอภิธรรมจะเริ่มขึ้นในเวลา 18.30 น. ตั้งแต่ 14 มกราคม 2566 จนถึงวันที่ 20 มกราคม 2566 และ กำหนดจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 21 มกราคม 2566 เวลา 16.00 น.
สำหรับว่าที่นาวาตรี พลรัตน์ สิโรดม เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 50 นักเรียนนายเรือ รุ่นที่ 107 เคยดำรงตำแหน่งที่สำคัญคือ ผู้บังคับหมู่เรือตรวจการณ์ที่ 2 หมวดเรือที่ 2 กองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ/ผู้ช่วยต้นปืน แผนกอาวุธและการเรือ เรือหลวงสุโขทัย/นายทหารสื่อสาร แผนกยุทธการและสื่อสาร เรือหลวงสุโขทัย/ต้นหน แผนกเดินเรือ เรือหลวงสุโขทัย/รักษาราชการนายทหารการอาวุธ แผนกอาวุธและการเรือ เรือหลวงสุโขทัย และผู้บังคับการ เรือ ต.81 หมวดเรือที่ 2 กองเรือยามฝั่ง กองเรือยุทธการ โดยตำแหน่งสุดท้ายก่อนเสียชีวิตคือ ต้นเรือ เรือหลวงสุโขทัย
ด้าน พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือเปิดเผยว่า ในส่วนของสิทธิกำลังพลและการให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวกำลังพลกองทัพเรือ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางนั้น ทางกองทัพเรือ โดย พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ มีความเป็นห่วงครอบครัวกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตรวมถึงกำลังพลที่ยังคงสูญหายเป็นอย่างมาก โดยได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสิทธิกำลังพล ดำเนินการเพื่อให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน แก่ครอบครัวของกำลังพลในด้านต่าง ๆ ตามระเบียบข้อบังคับอย่างเร่งด่วน โดยเงินช่วยเหลือแก่ทายาทผู้สูญเสีย ประกอบด้วยเงินจากส่วนต่างๆ 5 ส่วน ดังนี้
1.เงินตามสิทธิด้านกำลังพล เช่น เงินช่วยพิเศษ บำเหน็จตกทอด และบำนาญพิเศษ ทั้งนี้ เป็นไปตามสิทธิด้านกำลังพลของกำลังพลแต่ละราย
โดยมีขั้นตอนการเบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์และระเบียบแบบแผนที่ทางราชการกำหนด
2.เงินจากกองทุนต่างๆ ของกองทัพเรือ เช่น กองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละในจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่รับผิดชอบกองทัพเรือ
3.เงินประกันภัย เช่น เงินประกันภัยหมู่กองทัพเรือ
4. เงินสวัสดิการกองทัพเรือ และ เงินฌาปนกิจกองทัพเรือสำหรับผู้ที่เป็นสมาชิก
5. เงินที่หน่วยงานภาคเอกชนร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือครอบครัวกำลังพล
โฆษกกองทัพเรือกล่าวว่า ในส่วนของการปฏิบัติในการค้นหากำลังพลอีก 5 นายที่ยังคงสูญหาย นั้น วันนี้ กองทัพเรือ และหน่วยงานต่างๆ ก็ยังคงทำการค้นหาอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งแผนการปฏิบัติหลัก ของ ศรชล. - เรือบัญชีกำลัง ศรชล.ภาค 1 และหน่วยงานสนับสนุน ยังคงวางกำลังในพื้นที่ บางสะพาน และ ศรชล.จ.ชุมพร ในการดำรงการตรวจสอบและค้นหาในพื้นที่ตามแนวชายฝั่งของเกาะ และพื้นที่ชายฝั่งของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดชุมพร อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการเดินเท้าสำรวจปัจจุบัน นอกจากนั้นยังได้ใช้ระบบ VTMS ของกรมเจ้าท่า และ VMS Tracking ของกรมประมง ในการติดตามและตรวจสอบ เป้า บริเวณ จุดเรือจม ซึ่งผลการปฏิบัติจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการพบผู้สูญหายเพิ่ม หากมีความคืบหน้าทางสำนักงานโฆษกกองทัพเรือ จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป
ที่มา : กองทัพเรือ Royal Thai Navy