วันนี้ ( 18 ม.ค. 66) นางคำพูน จันทร์สุพัฒน์ ปลัด อบต.ตากูก และนายสมศักดิ์ อุ่นศรี เลขานุการนายก อบต.ตากูก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ อบต.ตากูก อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์ ได้นำพาผู้สื่อข่าวไปยังบ้านเลขที่ 44 ม.6 บ้านตากแดด ต.ตากูก ซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ของนายสายทอง คำใบ อายุ 66 ปี และนางลำดวน พริ้งเพราะ อายุ 63 ปี สองสามีภรรยา ที่พิการตาบอดทั้งสองคน ไม่มีลูก ซึ่งมีอาชีพนวดแผนไทย ที่ได้เข้าอบรมร่ำเรียนมาจากมูลนิธิคอลฟิล เพื่อคนตาบอดเขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ จนสำเร็จหลักสูตรการนวดแผนไทย ทั้งนวดคลายเส้น , กดจุด และนวดคลายกล้ายเนื้อ โดยการส่งเสริมเพื่อการมีอาชีพ จากสมาคมคนตาบอด จังหวัดสุรินทร์ ส่งเข้าอบรมเมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่ผ่านมา

แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา จึงส่งผลทำให้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ ซึ่งรวมถึงร้านนวดแผนไทยด้วย ที่ต้องหยุดให้บริการ ทั้งสองจึงตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เป็นบ้านที่สร้างจากการเก็บหอมรอมริบจากน้ำพักน้ำแรง เมื่อตอนที่ไปรับจ้างอยู่ตามร้านนวด สร้างเตรียมไว้เมื่อยามแก่เฒ่า และเปิดรับนวดที่บ้านด้วย โดยใช้ชื่อว่า “ลำดวนนวดแผนไทย” นวด 1 ชั่วโมง ราคา 100 บาท แต่เนื่องด้วยสภาพการตามพื้นที่ชนบทคนจะไปคอยนิยมเข้าร้านนวดกันมากนัก และอีกอย่างหลายคนก็อาจจะไม่รู้ว่ามีร้านนวดในพื้นที่ด้วย เดือนหนึ่งมีลูกค้ามานวดเพียงแค่ 3-4 คนเท่านั้น โดยทาง อบต.ตากูก และผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ก็อยากจะให้สื่อช่วยนำเสนอข่าว เพื่อที่ทั้งสองจะได้มีลูกค้าและมีเงินมาใช้จ่ายในครัวเรือนเพิ่มเติมบ้าง นอกเหนือจากที่ทาง อบต.ได้ช่วยเหลือตามระเบียบ ทั้งเบี้ยผู้พิการ เบี้ยผู้สูงอายุ และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว โดยนายสายทอง และนางลำดวน ได้คนละ 1,700 บาท รวมสองคน 3,400 บาทต่อเดือน (เบี้ยผู้พิการ 800 บาท เบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาท และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 300 บาท)

นายสายทอง และนางลำดวน บอกว่า เดือนหนึ่งมีลูกค้ามานวดประมาณ 3-4 ครั้ง พวกตนเรียนการนวดมาจากการเข้าอบรมการนวดแผนไทยที่กรุงเทพฯเมื่อประมาณปี 41-42 ปกติก็นวดอยู่ในตัวเมืองสุรินทร์ เพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ 3 ปี อยู่กันสองตา ยาย พวกตนไม่มีลูกมีหลาน มีแต่ญาติพี่ น้อง ที่อยู่ข้างๆบ้านกัน ส่วนราคาค่านวดคิดชั่วโมงละ 100 บาท ทั้งแก้เส้น จับเส้น นวดผ่อนคล้าย และนวดรักษาแบบดูแลไปพร้อมเลยก็มี บางคนเป็นมาหนักๆตนสามารถนวดจนเดินได้ก็มีเหมือนกัน ตอนนี้นอกเหนือจากการนวดพวกตนก็เงินจากเบี้ยผู้พิการและเบี้ยผู้สูงอายุ พอได้กินได้ใช้ แต่ถ้าหากมีลูกค้าวันละ 1-2 คนก็จะดีมากกว่านี้ พวกตนอยู่กันแบบพอเพียง หุงข้าวทำกับข้าว กวาดบ้าน ถูบ้านเอง ทุกอย่างภายในบ้านทำเองทั้งหมด ตอนไปเข้าอบรมเขาสอนทุกอย่าง เพื่อให้เราสามารถช่วยเหลือตนเองให้ได้ ตนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปี 46 ช่วยกันทำมาหากินประหยัดอดออม พอมีเงินเก็บก็ให้ญาติ พี่ น้อง ช่วยสร้างบ้านให้ ข้าวของทุกอย่างภายในบ้านซื้อเองทั้งหมด ไม่เป็นภาระให้ใคร ก็อยากจะฝากเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังท้อแท้กับชีวิต ว่า ให้ทุกคนสู้ สู้เหมือนกับเราสองคน ถึงแม้จะมองไม่เห็นเราทั้งสองคนยังสู้ได้ สู้กับความมืดมิดกว่าจะถึงวันนี้ได้ ต้องเจออุปสรรคมากมายแต่ก็ไม่เคยท้อถอย ขอให้ขยันอดออม  สู้ทุกอุปสรรค เราทั้งสองขอเป็นกำใจให้