"ทนายวรยุทธ" โพสต์เฟซฯ ขู่ฟ้องกลับ หลังโดนฟ้องมรรยาททนายความ
27 ก.ย. 2562, 17:08
วันนี้ 27 ก.ย.62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความส่วนตัวครูปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา คู่พิพาทของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ในคดีฟ้องเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวันที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท
โด้โพสต์คลิปวีดีโอ ความยาว 1.34 นาทีเศษ ลงในเฟสบุ๊กส่วนตัว “ทนายวรยุทธ”พร้อมกับบรรยายระบุว่า “ได้ข่าวว่ามีคนไปร้องเรียนสภาทนายความและจะไปฟ้องผมที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ผมขอนำเรียนว่าผมประกอบอาชีพทนายความมาไม่น้อยกว่า 22 ปีไม่เคยทำผิดมรรยาททนายความและไม่เคยทำผิดกฎหมายบ้านเมือง การร้องเรียนหรือฟ้องคดีเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายที่ผู้เสียหายย่อมกระทำได้แต่ต้องกระทำไปโดยสุจริต
การที่จะดำเนินการร้องเรียนใครหรือจะฟ้องคดีใครมีความจำเป็นต้องแจ้งนักข่าวเพื่อมาทำข่าวหรือลงเฟสหรือไลน์สดประจานผู้ถูกร้องถูกฟ้องก่อนศาลหรือหน่วยงานนั้นๆจะพิจารณาตัดสินหรือไม่ ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมสมควรสำหรับผู้ร้องเรียนหรือทนายความที่ควรทำหรือไม่
ผมไม่กลัวการถูกร้องเรียนหรือถูกฟ้องเพราะรู้ดีว่าไม่ได้ทำความผิดอะไร ดังนั้น 3 วันหลังจากที่ผมได้รับสำเนาคำฟ้องผมจะใช้สิทธิตามกฎหมายแจ้งความร้องทุกข์เอากับบุคคลที่ร่วมกันกระทำความผิดต่อผม#ขอขอบพระคุณกัลยาณมิตรทุกท่านที่ห่วงใย#ความจริงคือความจริง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อความดังกล่าวนายวรยุทธ ได้โพสต์ลงในเฟสบุ๊กเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ส่วนคลิปวีดีโอ ได้โพสต์ วันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากการที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ได้มอบอำนาจให้นายวิรุฬห์ชล วารวงค์ เป็นทนายความ เดินทางไปที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อดำเนินการยื่นฟ้องนายวรยุทธ ในห้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยยื่นฟ้องเพียงแค่คดีเดียว แต่แยกออกเป็นสองกรรม
และนอกจากนี้ยังเรียกเงินค่าเสียหายจากทนายวรยุทธ จำนวน 3 แสนบาทอีกด้วย ซึ่งการฟ้องศาลครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลา 11.00 น.ของวันที่ 20 ก.ย.และในวันนั้นนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ รวมทั้งนางลาวัลย์ วิมูล หรือป้าลาวัลย์ ภรรยาของหมวดจรูญ เดินทางไปด้วย
ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 19 ก.ย.นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้เดินทางไปที่สภาทนายความ เพื่อร้องเรียนให้สภาทนายความสอบมรรยาท ของทนายวรยุทธ มาก่อน จึงอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ทนายวรยุทธ โพสต์เฟสบุ๊กดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ตามล่าสุดเวลา 09.21 น.นายวรยุทธ เปิดเผยว่า ยังไม่ได้มีการแจ้งความเอาผิดกับใครแต่อย่างใด เนื่องจากจนถึงขณะนี้ตนยังไม่ได้รับสำเนาคำฟ้อง
สำหรับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ก็ได้ออกมาโพสต์ในเฟสบุ๊กตนเองว่า ในการใช้สื่อในการทำคดี โลกสมัยใหม่ได้เปลี่ยนแนวทางการทำคดีแบบเดิมๆ ที่นักกฎหมายหรือทนายความจะแค่รวบรวมพยานหลักฐานด้วยตัวเองไปใช้ในชั้นศาลเท่านั้น สื่อโซเชียลมีผลสำคัญในการหาพยานหลักฐาน หรือทำให้คดีเป็นที่สนใจเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีเครื่องไม้เครื่องมือสนใจลงมาทำคดีนี้
คดีหวย 30 ล้านอาจจะเป็นปฐมบทที่ทำให้สื่อสนใจ ผู้คนติดตาม จนหน่วยงานที่มีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมเช่น กองบัญชาการสอบสวนกลาง ต้องลงมาทำคดีนี้จนตัวความได้รับความเป็นธรรม แต่การออกสื่อ ผู้คุมคดีอย่างน้อยต้องมีความรู้ด้านกฎหมาย และต้องมีการวางแผน วางรูปคดีเรื่องไหนพูดได้ เรื่องไหนควรเก็บไว้ใช้ชั้นศาล และต้องพยายามให้ฝ่ายตรงข้ามเผยข้อมูลให้กับฝ่ายตนให้เยอะที่สุด ที่สำคัญโดยมารยาทไม่ควรนำข้อมูลสำคัญที่ได้จากเจ้าหน้าที่มาเผยแพร่ออกสู่สาธารณะก่อนถึงเวลาที่เหมาะสม เพราะรูปคดีของเราอาจจะเสียหายจนยากจะแก้ไข
หลังจากที่คดีหวย 30 ล้านประสบความสำเร็จ หลายคนพยายามใช้สื่อทำแบบเดียวกัน บางคนทำเพื่อหาพยานหลักฐานให้ฝ่ายตน หรือขอความเป็นธรรมให้กับฝ่ายตน อันนี้ผมขอชื่นชม แต่บางคนไม่ได้ใช้สื่อเพื่อผู้ที่ตนช่วยเหลือ กลับใช้สื่อในการสร้างดราม่าให้สังคม เพื่อเพิ่มความเด่นดังให้กับตัวเอง มีข้อมูลอะไรก็รีบออกมาเผยแพร่ บอกประชาชนที่ติดตามข่าว ทั้งๆที่ข้อมูลนั้นควรเก็บไว้ใช้ในชั้นศาลเท่านั้น โดยไม่สนใจเลยว่าการเปิดเผยบางอย่างออกไปจะมีผลเสียกับรูปคดีเพียงไหน ท้ายที่สุดเมื่อผลออกมาฝ่ายผู้เสียหายต้องมานั่งน้ำตาตก คดีเละเทะไปแล้วไม่มีทางแก้ไขอะไรได้ คนที่อ้างว่ามาช่วยเหลือก็หายเข้ากลีบเมฆ หาคดีอื่นเกาะไปเรื่อยๆเป็นวัฏจักร ดูอย่างคดีข่มขืนสาวม้ง คดีน้องหญิงที่บางปะอิน หรือคดีบอลบางแก้ว เป็นต้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเรียนรู้บทเรียน อย่าสั่งคดีนอกเหนือพยานหลักฐาน อย่าให้คนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมาชี้นำ อย่าโอนอ่อนตามกระแสสังคม
โดยปกติผมไม่ค่อยจะวิจารณ์การทำงานคดีของคนอื่น แต่หากปล่อยไว้กระบวนการยุติธรรม มันจะเละเทะ ปล่อยให้เจ้าหน้าที่เค้าได้ทำงานให้เต็มที่เถอะครับ คนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องถอยออกมา อย่างน้อยเห็นแก่ครอบครัวผู้เสียหาย ให้คนผิดได้รับโทษที่สมควรได้รับ อย่าทำให้คดีเค้าพังดังเช่นผ่านๆมา