นายกฯ ปลื้ม! ภาคธุรกิจต่างชาติเชื่อมั่นการลงทุนในไทยต่อเนื่อง สะท้อนผลสำเร็จนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศ
6 ก.พ. 2566, 08:55
วันนี้ (6 กุมภาพันธ์ 2566) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบ รายงานธุรกิจระหว่างประเทศในช่วงครึ่งหลังปี 2565 จาก บริษัท แกรนท์ ธอนตัน ประเทศไทย (The Grant Thornton International Business Report) ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีกับผลของรายงานฯ ซึ่งระบุว่าภาคธุรกิจต่างชาติให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนและย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย ด้วยไทยมีปัจจัยรอบด้านที่เอื้อต่อประสิทธิภาพในการลงทุน เช่น โครงสร้างพื้นฐาน การอยู่อาศัย ซึ่งมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า รายงานธุรกิจระหว่างประเทศในช่วงครึ่งหลังปี 2565 ของบริษัท แกรนท์ ธอนตัน ประเทศไทย (The Grant Thornton International Business Report) ซึ่งเป็นบริษัทให้คำแนะนำและคำปรึกษาด้านธุรกิจ ได้สำรวจธุรกิจขนาดกลางกว่า 5,000 ธุรกิจ ใน 30 กว่าประเทศทั่วโลก พบว่า ธุรกิจไทยเป็นผู้นำของโลกด้านสถานภาพทางธุรกิจ โดยดัชนีขึ้นถึงระดับ 8.8 จากเดิม 3.8 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี ที่สภาพธุรกิจของประเทศไทยมีปัจจัยบวกอย่างต่อเนื่อง และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมทั้งยังมากกว่าหลายประเทศที่เป็นคู่แข่งในกลุ่มที่เป็นฐานการลงทุน ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจที่เคยไปลงทุนในประเทศเหล่านั้นย้ายกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
อีกทั้งรายงานยังระบุว่า มุมมองของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อไทย ทั้งความท้าทายทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ ราคาพลังงานที่สูงขึ้น รวมถึงการเลือกตั้งทั่วไปของไทยที่จะเกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทย โดยนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นที่จะลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในปัจจุบันซึ่งพบว่า ไทยมีความโดดเด่นในสายตานักลงทุนหลายด้าน ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ฐานซัพพลายเชนที่ดีที่สุดในภูมิภาค โดยเฉพาะผู้ผลิตวัตถุดิบและชิ้นส่วนรองรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ บุคลากรมีขีดความสามารถ สิทธิประโยชน์ที่แข่งขันได้ นอกจากนี้ ยังเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ มีความมั่นคงปลอดภัยสูง มีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศต่าง ๆ การบริหารจัดการวิกฤตโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพและภาคธุรกิจยังสามารถฟื้นตัวได้ดีภายหลังจากการเปิดประเทศ
“นายกรัฐมนตรียินดีเป็นอย่างยิ่งกับผลของรายงานฯ และข้อมูลของหลายหน่วยงานที่สอดคล้องกัน ว่าแม้โลกเผชิญกับความท้าทาย ประเทศไทยยังเป็นจุดสนใจสำคัญ มีความโดดเด่น และศักยภาพที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุน ทำให้นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นที่จะขยายการลงทุนในไทย สะท้อนถึงความสำเร็จของการทำงานของรัฐบาลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ที่ได้วางโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อมอำนวยความสะดวกต่อการค้า การลงทุน ภาคธุรกิจ และการเดินทางในประเทศ รวมถึงการดำเนินนโยบายด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายและมาตรการขับเคลื่อนต่าง ๆ ของรัฐบาล เช่น มาตรการรักษาและขยายฐานการผลิตเดิม (Retention and Expansion Program) มาตรการส่งเสริมการย้ายฐานธุรกิจ (Relocation Program) และมาตรการ LTR (Long - Term Resident Visa) ซึ่งรัฐบาลพร้อมดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าได้อย่างเต็มศักยภาพ” นายอนุชาฯ กล่าว