สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หญิงแซ่สวีในเมืองฉางโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ตั้งใจทำบุญเพื่ออธิษฐานขอพรเผื่อครอบครัวของเธอ เนื่องจากครอบครัวของเธอมีสุขภาพไม่ดี เธอจึงใช้เงิน 90,400 หยวน (ประมาณ 452,421 บาท) และสั่งปลาดุกกว่า 25,000 ตัวจากพ่อค้าปลา และนำพวกมันไปปล่อยในทะเลสาบ 

ปรากฏว่าการปล่อยปลาดุกของเธอ ทำให้ปลาตายหมดทั้งทะเลสาบ ทั้งทะเลสาบเต็มไปด้วยซากปลา กลิ่นเหม็นคลุ้ง  เจ้าหน้าที่ใช้เวลา 10 วันในการกำจัดปลากว่า 20,000 ตัว  หญิงแซ่สวี จึงต้องเสียเงิน 90,000 หยวน (ราว 450,420 บาท ) มาจากค่าธรรมเนียมการเก็บซาก ค่าจัดเก็บ ค่ากำจัดที่ไม่เป็นอันตราย และค่ารักษาฉุกเฉินอื่น ๆ 

 

อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงานภาครัฐเชื่อว่าบทลงโทษดังกล่าวไม่รุนแรงพอ จึงยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อประโยชน์สาธารณะ  เนื่องจากปลาดุกเหล่านี้เป็นเอเลี่ยนสปีชีส์ โดยเป็นปลากินเนื้อเป็นอาหารที่มีการเจริญเติบโตเร็วมาก แต่เนื่องจากเป็นปลาเขตร้อนจึงเหมาะที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 7 องศา อุณหภูมิของน้ำในทะเลสาบในวันที่ปล่อยต่ำกว่า 0 องศา จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบนิเวศทั้งหมด

ศาลตัดสินว่าหญิงแซ่สวีและคนขายปลาเป็นการละเมิดร่วมกัน และควรร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 35,000 หยวน (ราว 175,163 บาท) สำหรับความเสียหายต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม และ 5,000 หยวน (ราว 25023 บาท) สำหรับความเสียหายเชิงลงโทษ นี่เป็นคดีฟ้องร้องเพื่อผลประโยชน์สาธารณะคดีแรกของจีนที่เกี่ยวข้องกับการนำสัตว์ต่างถิ่นเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย และทั้งผู้ซื้อและผู้ขายถูกปรับ

ขอบคุณ ข่าวสด และ Ctwant