เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จำคุก 5 นายพรานฆ่าชำแหละเนื้อ 2 เสือโคร่ง


6 มี.ค. 2566, 12:41



ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จำคุก 5 นายพรานฆ่าชำแหละเนื้อ 2 เสือโคร่ง




 วันนี้ 6 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงาน ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นำโดยนายเจริญ ใจชน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จับกุมตัวนายศุภชัย เจริญทรัพย์ นายจอแห่ง พนารักษ์ นายกูกือ ยินดี นายรัชชานนท์ เจริญทรัพย์ และนายโชเอ ไม่มีนามสกุล 5 นายพรานชาวหมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ ผู้ต้องหาก่อเหตุนำซากวัวมาเป็นเหยื่อล่อเสือโคร่งสองแม่ลูกออกจากป่าห้วยปิล๊อก ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และป่าสงวนแห่งชาติเขาช้างเผือก แล้วใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต จากนั้นนำไปถลกหนังและแล่เอาเนื้อเพื่อนำไปเป็นอาหาร เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 มกราคม 2565 ต่อมาวันที่ 15 ม.ค.2565 ศาลจังหวัดทองผาภูมิได้อนุญาตให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ประกันตัวออกไปเพื่อต่อสู้คดีในชั้นศาลในวงเงินคนละ 100,000 บาท ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ก.พ.2566 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดทองผาภูมิได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ สวอ3/2565 และคดีหมายเลขแดงที่ สวอ1/2566 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ (โจทก์) และนายศุภชัย เจริญทรัพย์ นายจอแห่ง พนารักษ์ นายกูกือ ยินดี นายรัชชานนท์ เจริญทรัพย์ และนายโชเอ ไม่มีชื่อสกุล จำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในความผิดต่อพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ, ความผิดต่อพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า, ความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ, และความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน,

 

ซึ่งศาลจังหวัดทองผาภูมิ มีคำพิพากษาว่า จำเลยทั้งห้า มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507   การกระทำของจำเลยทั้งห้า เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 2 ปี

 

ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ปรับคนละ 1,000 บาท ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ปรับคนละ 10,000 บาท

 

ฐานร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ในเขตอุทยานแห่งชาติกับฐานร่วมกัน นำหรือปล่อยสัตว์ที่เป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างรุนแรงในเขตอุทยานแห่งชาติ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันเข้าไปดำเนินการใดๆเพื่อหาผลประโยชน์ในเขตอุทยานแห่งชาติ กับฐานร่วมกันนำหรือปล่อยสัตว์ ที่เป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างรุนแรงในอุทยานแห่งชาติ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันเข้าไปดำเนินการใดๆเพื่อหาผลประโยชน์ในเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 6 เดือน

 

ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ฐานร่วมกันล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใดๆ กับฐานร่วมกันยิงปืนภายในเขตอุทยานแห่งชาติ เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 2 ปี

 

ฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติกับฐานร่วมกันเก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายหรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ หรือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในอุทยานแห่งชาติ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในป่าสงวนแห่งชาติ หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 2 ปี

 

ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก คนละ 1 ปี 6 เดือน และฐานร่วมกันทิ้งสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงซึ่งอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ภายในอุทยานแห่งชาติ จำคุกคนละ 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยทั้งห้าคนละ 8 ปี 18 เดือน และปรับคนละ 11,000 บาท จำเลยทั้งห้า ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยทั้งห้าคนละ 3 ปี 21 เดือน และปรับคนละ 5,500 บาท

 

ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยทั้งห้าของพนักงานคุมประพฤติแล้ว เห็นว่าจำเลยทั้งห้า มีครอบครัวและอาศัยอยู่ในชุมชนใกล้เคียงป่าพื้นที่เกิดเหตุ จำเลยทั้งห้าย่อมจะต้องมีความรู้สึกหวงแหนป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งต้องปกป้องและรักษาทรัพยากรธรรมชาติมากกว่าบุคคลทั่วไป อีกทั้งควรจะปฏิบัติตนเป็นเยี่ยงอย่าง ไม่ทำลายหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ

 

ขณะเกิดเหตุจำเลยทั้งห้า มีอายุและวุฒิภาวะมากพอที่จะรู้ผิดชอบชั่วดีและไตร่ตรองถึงการกระทำ รวมถึงผลกระทบที่จะตามมาได้ การที่จำเลยทั้งห้ากล่าวอ้างว่ากระทำไปเนื่องจากโกรธแค้นที่เสือมากัดกินโคกระบือของจำเลยทั้งห้า และป้องกันทรัพย์สินของจำเลยทั้งห้า แม้จะเป็นดังที่จำเลยทั้งห้ากล่าวอ้าง ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้องสมควร ทั้งยังถือได้ว่าเป็นเรื่องร้ายแรงและผิดต่อกฎหมายอย่างชัดแจ้ง อีกทั้งยังเป็นการทำลายระบบนิเวศ และทำให้ธรรมชาติเสียสมดุล

 

ในขณะที่ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐและองค์กรต่างๆ พยายามรณรงค์ให้อนุรักษ์สัตว์ป่าต่างๆไว้ เนื่องจากหายากและใกล้สูญพันธุ์ รัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการป้องกันปราบปรามและฟื้นฟูสภาพป่าและทรัพยากรธรรมชาติ แม้จำเลยทั้งห้า จะอ้างว่าเสือโคร่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังถือว่ามีจำนวนที่น้อย มิฉะนั้นคงไม่กำหนดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองและมีการกำหนดแผนปฏิบัติการอนุรักษ์เสือโคร่งแห่งชาติ และจำเลยทั้งห้า ควรที่จะเข้าใจในธรรมชาติของเสือซึ่งเป็นสัตว์ป่าที่โดยธรรมชาติจะต้องล่าสัตว์เป็นอาหาร

 

การที่จำเลยทั้งห้า เลี้ยงวัวกระบือในพื้นที่เกิดเหตุ ก็เป็นเรื่องที่อาจคาดคะเนได้ว่าจะเกิดเหตุที่เสือมากัดกินวัวกระบือของจำเลยทั้งห้า นอกจากนี้เมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ ที่จำเลยทั้งห้า มีอาวุธปืนถึง 4 กระบอก กระสุนปืนอีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีเครื่องมือเครื่องใช้ตามที่เจ้าพนักงานตรวจยึดไว้เป็นของกลาง อันแสดงว่าจำเลยทั้งห้า สามารถดำรงชีพอยู่ในป่าได้ระยะเวลานาน โดยมีการวางแผนกันมาอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อที่จะล่าสัตว์ป่า

 

ยิ่งไปกว่านั้นจากการตรวจยึดของเจ้าพนักงานยังพบว่า มีการแร่หนังเสือโคร่งทั้งสองซากในลักษณะเป็นแผ่นตั้งแต่หัวจนถึงปลายหางอยู่ในสภาพสมบูรณ์ทั้งตัว ชิ้นเนื้อและกระดูกผ่านการรมควันเพื่อป้องกันการเน่าเสีย อันบ่งชี้ว่าจำเลยทั้งห้า ประสงค์ที่จะครอบครองหรือแสวงหาประโยชน์จากซากเสือโคร่งทั้ง 2 ซาก ซึ่งจำเลยทั้งห้า ย่อมทราบดีว่ามีกระบวนการรับซื้อซากสัตว์ดังกล่าวในราคาที่สูง การกระทำของจำเลยทั้งห้า หาใช่เป็นการยิงฆ่าเสือโคร่งเพราะเหตุเพียงโกรธแค้น หรือป้องกันทรัพย์สินของจำเลยทั้งห้าแต่ประการเดียวไม่

 

การกระทำของจำเลยทั้งห้ากรณี จึงเป็นเรื่องร้ายแรง ส่วนการที่จำเลยทั้งห้า วางเงินชำระค่าเสียหายบางส่วน ก็เป็นความรับผิดที่จำเลยทั้งห้าจะต้องชำระตามคำพิพากษา ในส่วนที่โจทก์มีคำขอให้ชดใช้อยู่แล้ว แม้จำเลยทั้งห้า จะไม่เคยถูกดำเนินคดีอาญามาก่อน และประกอบกิจกรรมต่างๆ ตามที่จำเลยทั้งห้านำสืบ ก็ไม่เป็นเหตุสมควรให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยทั้งห้า หากจำเลยทั้งห้า ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 กับให้จำเลยทั้ง ห้า ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นเงิน 750,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2565 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ อัตราดอกเบี้ยอาจปรับเปลี่ยนได้ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 บวกด้วยอัตราร้อยละ 2 ต่อปี ทั้งนี้ให้นำเงินจำนวน 300,000 บาท ที่จำเลยทั้งห้า วางต่อศาลหักออกจากค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยคำนวณถึงวันที่จำเลยทั้งห้าวางเงินต่อศาลด้วย

 



 


 


คำที่เกี่ยวข้อง : #กาญจนบุรี   #5นายพราน   #จำคุก   #เสือโคร่ง  




Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.