ครม.ไฟเขียวบริจาคเพื่อสนับสนุนกีฬา หักลดหย่อนภาษีปี 66-67 ได้ 2 เท่า
7 มี.ค. 2566, 16:15
วันนี้ ( 7 มี.ค.66 ) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 7 มี.ค. 66 ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่...) พ.ศ.... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา) โดยมีสาระสำคัญ เป็นการกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์ แก่ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดา หรือ บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนการกีฬา ให้แก่ 1)การกีฬาแห่งประเทศไทย 2) คณะกรรมการกีฬาจังหวัด 3)สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด 4) สมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า "แห่งประเทศไทย" (เช่น สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬามวลสากลแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เป็นต้น) หรือกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และ 5) กรมพลศึกษา
โดยให้หักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ของจำนวนเงินบริจาค ในกรณีบุคคลธรรมดาเมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากรกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นจำนวน 2 เท่าแล้ว จะต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อน ส่วนกรณีบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่า ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายบริจาคอื่นแล้วจะต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสิทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณะประโยชน์และเพื่อการศึกษา
พร้อมกับให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้า หรือการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่หน่วยรับบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬาด้วย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การบริจาคจะต้องดำเนินการผ่านระบบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพกร ตั้งแต่ 1 ม.ค. 66-31 ธ.ค. 67 รวม 2 ปีภาษี โดยกระทรวงการคลังได้ประมาณการการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่จะได้รับแล้วคาดว่ามาตรการภาษีนี้จะมีผลให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีลดลงปีละ 1 ล้านบาท 2 ปี ภาษีรวม 2 ล้านบาท แต่คาดว่าหน่วยรับบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬาจะได้รับบริจาคปีละประมาณ 8 ล้านบาทเศษ และเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและประชาชนมีส่วนร่วมสนับสนุนการกีฬาของประเทศอย่างต่อเนื่อง และเป็นการลดภาระงบประมาณของรัฐในด้านการกีฬาได้อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ครม.ยังได้มอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขับเคลื่อนสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีแก่ประชาชนทั่วไป รวมถึงสนับสนุนหน่วยรับบริจาคให้ใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพกรเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริจาคต่อไป