คพ.เตือน กทม.-ปริมณฑล เฝ้าระวังเป็นพิเศษฝุ่น PM2.5 พุ่ง 14-16 มี.ค.นี้
9 มี.ค. 2566, 15:36
วันนี้ ( 9 มี.ค.66 ) นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลว่า เนื่องจากสภาพอุตุนิยมวิทยาและสภาพอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ส่งผลให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นจุดลมอับมากและเกิดลมวนดูดฝุ่นในทุกด้านเข้ามา แล้วลมใต้ที่พัดพาอากาศจากทะเลไม่สามารถดันกระลมขึ้นมาช่วยกระจายการสะสมของฝุ่นได้ ส่งผลให้จากเดิมคาดการณ์ในเขตเมืองค่าฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่วันนี้ (9 มี.ค.66) จะมีแนวโน้มดีขึ้น ประกอบกับ มีปริมาณฝุ่นค่อนข้างมากที่ถูกกระแสลมพัดพาฝุ่นที่เกิดจากการเผาจนเกิดจุดความร้อน (Hotspot) จำนวนมากมาจากประเทศกัมพูชาทางด้านฝั่งตะวันออกเข้าในกรุงเทพมหานครที่เป็นปัจจัยไม่สามารถควบคุมได้แล้วมาสะสมรวมกับฝุ่นที่มีอยู่ในประเทศด้วย ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านสามารถควบคุมได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น รวมทั้ง ได้รับผลกระทบจากจุดความร้อนในประเทศจากภาคตะวันตกที่เกิดไฟป่าอยู่ในหลายพื้นที่ จึงคาดการณ์มีแนวโน้มต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษช่วงวันที่ 14 – 16 มีนาคมนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศเป็นตัวแปรด้วย ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนระมัดระวังมากขึ้นสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน หรือภาครัฐ-ภาคเอกชนสามารถให้เจ้าหน้าที่ Work From Home เพื่อลดอันตรายจากฝุ่นละออง ส่วนกรุงเทพมหานครได้เข้มงวดตรวจสอบแหล่งกำเนินฝุ่นละอองอยู่แล้ว
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวย้ำว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำชับให้ คพ.ประสานไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียนขอให้ประเทศเพื่อนบ้านกำกับดูแลแหล่งกำเนิดจุดความร้อนที่เกิดจากการเผาให้ลดลง โดยท่าทีประเทศเพื่อนบ้านให้ความร่วมมือตั้งเป้าลดให้ได้แต่ติดปัญหาในระดับปฏิบัติจึงไม่เป็นไปตามแผนของแต่ละประเทศ อย่างประเทศไทยพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัดตอนบนจุดความร้อนจะเกิดขึ้นในเขตป่าสูงร้อยละ 80 – 90 แต่ในพื้นที่ภาคเหนือ 8 จังหวัดตอนล่างจุดความร้อนจะเกิดในภาคการเกษตรถึงร้อยละ 30 รวมถึง ภาคกลางและประเทศเพื่อนบ้าน จึงต้องหามาตรการมาควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด