"ศรีวราห์" นำทีมเปิดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
30 ก.ย. 2562, 20:16
วันนี้ ( 30 ก.ย. 62 ) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่ สภ.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. (มค.กศ.) เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มาเปิดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นการปฏิบัติราชการวันสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ พร้อมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุม เพื่อนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเหมืองแร่ 2 แห่ง และไร่ข้าวโพด 1 แห่ง โดยพื้นที่ที่จะเข้าตรวจสอบนั้น อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย ท้องที่ หมู่ 4 ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
โดยมี พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รอง ผบช.ส., พล.ต.ต.ณัฐแก้ว เมตตามิตรพงศ์ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร., พล.ต.ต.กษณะ แจ่มสว่าง รอง ผบช.ภ.7, พ.ต.อ.ชวลิต สุขสุวรรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ บก.ปทส.และกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน เช่น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ จากสำนักจัดการป่าไม้ที่ 10 จาก ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ศูนย์ป่าไม้จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ฝ่ายปกครองอำเภอไทรโยค เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก ตชด.ที่ 13 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจ ภ.จว.กาญจนบุรี และชุด EOD เข้าทำการตรวจค้น
โดยใช้หมายค้นของศาลจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 3 จุด คือ จุดที่ 1 พื้นที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป้าแม่น้ำน้อย หมู่ 4 ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยคจังหวัดกาญจนบุรี เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ คิดเป็นค่าเสียหาย 15 ล้านบาท โดยมีการปลูกบ้านอยู่อาศัยชั่วคราว และทำไร่ข้าวโพด
จุดที่ 2 พื้นที่ประทานบัตรเหมืองแร่ของบริษัท ปฐมวัฒนพานิชย์การแร่ จำกัด หมู่ 4 ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ประทานบัตรเลขที่ 32648/16108 เนื้อที่ 31-0-81 ไร่ (หมดอายุ 9 ก.ย.2564) ประทานบัตรเลขที่ 32650/16109 เนื้อที่ 186-0-79 ไร่ (หมดอายุ 9 ก.ย.2554) ตรวจสอบพบปุ๋ยยูเลีย จำนวน 586 กระสอบๆ ละ 25 กิโลกรัม ระเบิด จำนวน 6,100 แท่ง ซึ่งจุดนี้อยู่ห่างชายแดนเพียง 800 เมตร ซึ่งไม่สามารถขออนุญาติได้เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความมั่นคง
ส่วนจุดที่ 3 สถานที่แต่งแร่ และครอบครองแร่ ของห้างหุ้นส่วนจำกัดเพชรมงคลเหมืองแร่ หมู่ 4 ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เนื้อที่ 49-2-1 ไร่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด จากการตรวจสอบพบอาวุธปืน 2 กระบอก รวมถึงนายช่างพร้อมลูกจ้างแต่งแร่ และเครื่องจักรกว่า 30 เครื่อง เครื่องปั่นกระแสไฟฟ้า 3 เครื่อง รถยนต์ รถไถ และอื่นๆ อีกจำนวนมาก
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อประมาณกลางเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ได้มีนักการเมืองท้องถิ่น (ขอสงวนนาม) ร้องเรียนไปยัง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ว่า มีการลักลอบตัดไม้ไผ่ ไม้รวก บุกรุกพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และขุดแร่ เก็บแร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต ในเขต อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จึงได้สั่งการให้ บก.ปทส. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่มีผู้ร้อง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิดจริง
โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1. พบการลักลอบตัดไม้ ประเภทไม้ไผ่ ไม้รวก ประมาณ 500 ต้น/ลำ บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย หมู่ 4 ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จึงได้ทำการตรวจยึดเป็นของกลาง นำส่ง พงส.สภ.ไทรโยค ดำเนินคดี ตามคดีที่ 358/2562 ลงวันที่ 28 ก.ย.2552 ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุในคดีนี้อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ประทานบัตรเหมืองแร่ของบริษัท ปฐมวัฒนพาณิชย์การแร่ จำกัด ตามที่มีการร้องเรียนว่าในเขตประทานบัตรก็มีการลักลอบตัดไม้เช่นเดียวกัน จึงได้ทำการขยายผลเพื่อเข้าตรวจสอบในพื้นที่ประทานบัตรและการดำเนินการทำเหมืองของบริษัทฯ ตลอดจนการได้รับอนุญาตจากหน่วยงานต่างๆ ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดกาญจนบุรี เข้าทำการตรวจสอบใน วันนี้ (30 ก.ย.) 2. ตรวจพบว่า มีสถานที่เก็บแร่แห่งหนึ่ง ชื่อ เหมืองแร่ห้างหุ้นส่วนจำกัดเพชรมงคลเหมืองแร่ มีการปิดกั้นทางสาธารณะที่ประชาชนสัญจร
จากการสืบสวนตรวจสอบพื้นที่และสอบถามบุคคลที่ทราบเรื่องพื้นที่ดังกล่าวเป็นอย่างดี พบว่า เหมืองดังกล่าว ใช้ชื่อว่า หจก.เพชรมงคลเหมืองแร่ ตั้งอยู่เลขที่ 122 หมู่ 4 ตำบลศรีมงคล อำเภอไทร โยค จังหวัดกาญจนบุรี มี นางเปรมจิตร สุดชารี เป็นเจ้าของ ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย บริเวณพื้นที่เหมืองแร่ ด้านหน้าทางเข้าจะมีประตูเหล็กติดลวดหนาม ใส่กุญแจ ด้านในมองเห็นมีป้อมยาม
จากการสอบถาม นายชะลอ ประทีป นายก อบต.ศรีมงคล ที่ร่วมเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณใกล้เคียง พบว่า ประตูที่ปิดล็อกทางเข้าเหมืองแร่เพชรมงคล เป็นพื้นที่ทางเดินสาธารณะที่ชาวบ้านเคยใช้ เดินทางไปมา ระหว่างบ้านบ้องตี้กับบ้านศรีมงคล ซึ่งการสอบถาม นายสมบุญ โชติช่วง อดีตผู้จัดการเหมืองแร่ ( ออกจากเหมืองแร่เพชรมงคลมาประมาณ 2 ปีแล้ว ) ได้ความว่า เหมืองแร่ดังกล่าว ประทานบัตรหมดอายุไปประมาณ 10 ปีเศษ ปัจจุบันมี นางเปรมจิต สุดชารี ขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ แต่งแร่ และขออนุญาตครอบครองแร่ ในพื้นที่ประมาณ 49 ไร่ แต่ปรากฏว่า นางเปรมจิตร ได้ใช้แร่ที่เหลือจากการขุดสัมปทานตามที่ขออนุญาตหมดไปแล้ว ได้ใช้เครื่องมือขุดแร่ตามลำห้วย บริเวณพื้นที่ป่าสงวน บริเวณพื้นที่ทั่วๆ ไป จนเป็นหลุมเป็นบ่อจำนวนมาก นำขึ้นมาเข้าโรงแต่งแร่ และขายไปเป็นจำนวนมาก เมื่อแร่ที่ขุดขึ้นมาหมด ก็จะขุดขึ้นมาใหม่ เป็นอย่างนี้ตลอด รวมทั้งตัดไม้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนจำนวนนับร้อยไร่ ซึ่ง นายสมบุญ ในฐานะผู้จัดการ ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ นางเปรมจิตร จึงได้ลาออกมาประมาณ 2 ปีเศษ
นอกจากนี้ นายสมบุญ ยังให้การอีกว่า นางเปรมจิตร ได้สั่งให้คนงานขยายแนวเขตพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตแต่งแร่ออกไปอีก โดยการปักแนวเขตพื้นที่ที่ขออนุญาตแต่งแร่ใหม่ รวมทั้งสร้างบ้านพักในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย อีกประมาณ 12 หลัง และจากการตรวจสอบพื้นที่ด้านหลังเหมืองแร่ โดยการส่องกล้องทางไกล พบว่า บริเวณด้านในเหมือง มีบ้านพักคนงาน กองแร่ โรงแต่งแร่ หลักเขต บ้านพักแบบโฮมสเตย์ จะเห็นได้ว่า การกระทำของ นางเปรมจิตร ผู้ครอบครองพื้นที่ มีการขุดแร่ โดยไม่ได้รับประทานบัตร (ทำเหมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต) มีการบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติโดยการตัดต้นไม้ขาย รวมทั้งปลูกสิ่งปลูกสร้างในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติเป็นจำนวนมาก
โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด อันเป็นการกระทำผิดกฎหมายหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2560, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507, พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484, ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497, พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง