วันเดียวยอดบริจาคพุ่งกว่า 2 ล้าน ช่วย 13 ศพนศ.เทคนิคศรีสะเกษ
1 ต.ค. 2562, 16:26
จากกรณีที่ นศ.ของวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ แผนกวิชาช่างยนต์ จำนวน 13 คน ได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อกลางดึกของวันที่ 29 ก.ย. 62 ที่ผ่านมา และได้มีการนำศพของผู้เสียชีวิตทั้งหมดกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของพ่อแม่ญาติพี่น้อง ซึ่งล่าสุด นายประชาคม จันทรชิต รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมกับ นาย อักษรศิลป์ แก้วมหาวงศ์ ผอ.วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ และคณะอาจารย์ ได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ ชื่อบัญชี เพื่อนักศึกษาผู้ประสบอุบัติเหตุวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ บัญชีเลขที่ 678 – 6 – 17357 เพื่อขอรับบริจาคจากทั่วประเทศเพื่อเป็นการให้การช่วยเหลือผู้ที่เสียชีวิตในครั้งนี้ ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 08.00 น. เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่สำนักอำนวยการ วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายสำราญ สีปวน รอง ผอ.วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ ได้นำเอาสมุดบัญชีธนาคารที่เปิดรับบริจาคเงินจากทั่วประเทศเพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือ นศ.ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ มาให้สื่อมวลชนทุกแขนงได้ตรวจสอบ พบว่า จากการที่ได้เปิดบัญชีธนาคารรับบริจาคได้เพียง 1 วัน มียอดเงินบริจาคเข้ามามากถึง 2,228,663.95 ล้านบาท โดยยังคงมีการบริจาคเงินเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายประชาคม จันทรชิต รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมกับ นาย อักษรศิลป์ แก้วมหาวงศ์ ผอ.วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ และคณะอาจารย์ ยังคงออกตระเวนไปเยี่ยมปลอบขวัญ วางพวงหรีดไว้อาลัย และมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่พ่อแม่ญาติพี่น้องของนักศึกษาที่เสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ โดยในวันนี้จะเดินทางไปที่ อ.ปรางค์กู่ อ.วังหินและ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ
นายสำราญ สีปวน รอง ผอ.วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการที่ขณะนี้มีการเผยแพร่ทางสื่อโชเชี่ยลว่า มีผู้ไม่เห็นด้วยกับการเปิดบัญชีธนาคารเพื่อขอรับบริจาคเงินช่วยเหลือนักศึกษาที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในครั้งนี้นั้น ตนเห็นว่าเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลที่อาจจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ ท่าน ผอ.วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ พร้อมด้วยตนและคณะอาจารย์ ทุกคนพร้อมรับคำแนะนำ ซึ่งการที่เปิดบัญชีรับบริจาคเงินขึ้นมานั้น เป็นช่องทางหนึ่งในการเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศและองค์กรต่าง ๆ ได้เข้ามาให้การช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต และถือว่าเป็นการให้ความช่วยเหลือทุกวิถีทางที่เราจะทำได้ เพื่อเป็นการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกคนอย่างดีที่สุด โดยบัญชีธนาคารที่เปิดขอรับบริจาคนี้ จะมีการหารือกันว่า จะปิดบัญชีในเร็ว ๆ นี้ เพื่อนำเงินบริจาคทั้งหมดไปให้การเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกคนต่อไป โดยเบื้องต้นคาดว่า พ่อแม่ญาติของนักศึกษาที่เสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือครอบครัวละประมาณ 500,000 บาทเศษ โดยจะได้รับเงินจากสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา รายละ 100,000 บาท เงินประกันชีวิต รายละ 100,000 บาท กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถรายละประมาณ 100,000 บาท และจากเงินที่ได้รับบริจาค อีกประมาณรายละ 200,000 บาทเศษ ซึ่งในส่วนของเงินที่ได้รับบริจาคนั้น อาจจะมีการแบ่งเป็นให้นักศึกษาปัจจุบันรายละ 70 เปอร์เซ็นต์ และศิษย์เก่าที่เสียชีวิตรายละ 30 เปอร์เซ็นต์ โดยจะยังมีการช่วยเหลือจากบริษัทต่าง ๆ ที่แสดงความจำนงจะให้การช่วยเหลือนักศึกษาที่เสียชีวิตเข้ามาด้วย โดยเงินบริจาคทั้งหมดจะนำเอามอบให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตในวันที่ประกอบพิธีฌาปนกิจศพ ในวันที่ 3 ต.ค. 62 ซึ่งจะมีการจัดคณะอาจารย์แบ่งสายกันนำเอาเงินไปมอบให้และเพื่อช่วยดูแลในงานศพทุกศพด้วย ซึ่งการเปิดบัญชีธนาคารขอรับบริจาคเงินนี้ มีคณะกรรมการที่ได้รับมอบหมายจาก นายอักษรศิลป์ แก้วมหาวงศ์ ผอ.วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ จำนวน 3 คนด้วยกัน ประกอบด้วย นายสำราญ สีปวน รอง ผอ.วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ นางพัชรินทร์พันธ์ เอมรัตน์ หน.งานการเงิน และนายกัมปนาท พระสุพรรณ หน.งานกิจกรรมนักศึกษา โดยการเบิกถอนเงินนั้น จะต้องลงนามเบิกถอน 2 ใน 3 คน และจะต้องได้รับการอนุมัติจาก ผอ.วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ เท่านั้น จึงจะเบิกถอนเงินได้ ส่วนผู้เสียชีวิตทั้ง 13 รายนั้น เป็นนักศึกษาของวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ จำนวน 10 ราย เป็นศิษย์เก่า 2 ราย ที่ไปทำงานอยู่อู่ซ่อมรถซึ่งนักศึกษาที่เสียชีวิตไปฝึกงาน รวม 12 ราย และเป็นช่างของอู่ จำนวน 1 คน บ้านเกิดอยู่ที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ส่วนกรณีนายสุประชัย วรรณทวี อายุ 20 ปี นักศึกษาที่เสียชีวิตนั้น เป็นเด็กเรียนดี ความประพฤติดีและเป็น นายกองค์การวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย (อวท.) หรือที่เรียกกันสั้น ๆว่า ประธานนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ โดยนายสุประชัย หรือน้องรามอส ได้รับเลือกตั้งจากเพื่อนนักศึกษาด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น และได้เรียนแผนกวิชาช่างยนต์ สาขาวิชาเคาะและพ่นสีตัวถังรถยนต์ ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานเป็นอย่างมาก
ทางด้าน นางสุชาดา วรรณทวี อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 หมู่ 1 บ้านหนองหว้า ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นแม่ของนายสุประชัย วรรณทวี อายุ 20 ปี หรือน้องรามอส ที่เสียชีวิต กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังทำใจไม่ได้ต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของน้องรามอส คิดถึงน้องรามอสซึ่งเป็นลูกเพียงคนเดียวของครอบครัวตลอดเวลา ตนอยากขอให้กรณีของน้องรามอส เป็นกรณีสุดท้ายในการเกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ และขับรถด้วยความเร็วสูง เนื่องจากว่า เป็นการทำให้ชีวิตของคนที่เป็นอนาคตของชาติและเป็นที่รักของครอบครัวต้องสูญเสียไปอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น ตนขอฝากไปยังทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องว่า ขอให้กวดขันในเรื่องเมาแล้วขับ และการขับรถด้วยความเร็วสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนดด้วย เพราะว่าไม่อยากให้เกิดสูญเสียเหมือนลูกชายของตนอีกต่อไป